สัมมนาวิชาการเรื่อง “การพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคในชุมชน

สัมมนาวิชาการเรื่อง “การพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคในชุมชน

แผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และมูลนิธิพัฒนาสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ จัดสัมมนาวิชาการประจำปีสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯ เรื่อง “การพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคในชุมชน” เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาบทบาทการเฝ้าระวังเตือนภัย และเชื่อมต่อกลไกเรื่องร้องเรียนในการดำเนินงานเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในชุมชนต่อไป

การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากท่านผู้หญิงปรียา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ประธานมูลนิธิพัฒนาสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ เป็นประธานการเปิดการสัมมนา โดยเห็นว่า สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯ และที่ได้รับพระราชทานนาม จะเป็นกำลังสำคัญที่มีส่วนร่วมอย่างมากในการผลักดันการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคและช่วยขับเคลื่อนกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โดยการสัมมนาวิชาการในครั้งนี้จะเป็นเวทีที่จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาบทบาทการในการดำเนินงานเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในชุมชนต่อไป มีผู้เข้าร่วมการสัมมนากว่า 300 คน ประกอบด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯและสถานีอนามัยที่ได้รับพระราชทานนาม เภสัชกรโรงพยาบาลชุมชน ประธานอาสาสมัครสาธารณสุข และผู้แทนศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์

Download เอกสารประกอบการสัมมนา

สรุปประชุมบทเรียนงานเภสัชกรรมปฐมภูมิ

    สรุปประชุมบทเรียนงานเภสัชกรรมปฐมภูมิ

วิทยาลัยการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพแห่งประเทศไทย (วคบท.) สภาเภสัชกรรม ร่วมกับ สภาเภสัชกรรม แผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดประชุมบทเรียนงานเภสัชกรรมปฐมภูมิ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานของเภสัชกรในการทำงานดูแลผู้ป่วยในระดับบุคคล ครอบครัวและชุมชน และพัฒนาศักยภาพของเภสัชกรในการทำงานดูแลผู้ป่วยในระดับบุคคล ครอบครัวและชุมชน

โดยเรียนรู้ผ่านเวทีการถอดบทเรียนด้านงานเภสัชกรรมปฐมภูมิ โดยมีผู้ร่วมประชุมคือเภสัชกรที่มีความสนใจ และมีประสบการณ์ในการดำเนินการป้องกันและแก้ปัญหาการใช้ยาในระดับบุคคล ครอบครัวและชุมชน จำนวน 200 คน

รูปแบบการประชุมประกอบด้วย การอภิปรายและแลกเปลี่ยน การนำเสนอผลงานวิชาการรูปแบบ oral presentation จำนวน 16 เรื่อง, การนำเสนอด้วยโปสเตอร์ จำนวน 50 เรื่อง และการนำเสนอด้วยเอกสารวิชาการ จำนวน 127 เรื่อง ซึ่งประกอบด้วย 5 ประเด็น คือ

1) การจัดการเรื่องยาในชุมชน เช่น การส่งเสริมการใช้ยาอย่างเหมาะสมเพื่อแก้ปัญหายาซ้ำซ้อน (Poly pharmacy) ความปลอดภัยด้านยาในชุมชน: งานคุ้มครองผู้บริโภคด้านยา

2) การดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องในชุมชน

3) งานคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน

4) การพัฒนาระบบเวชภัณฑ์ใน รพ.สต.

5) นวตกรรมการทำงานเภสัชกรรมปฐมภูมิ

โดยในวันที่ 23 มีนาคม 2558 ช่วงเช้าเป็นการอภิปรายเรื่อง “ทิศทางงานเภสัชกรรมปฐมภูมิ” วิยากรประกอบด้วย ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ นายกสภาเภสัชกรรม, รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ ที่ปรึกษา สปสช.และนพ.ประสิทธิ์ชัย มั่งจิตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแก่งคอย สระบุรี ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

จากนั้นเป็นการนำเสนอเรื่อง “บทบาทของเภสัชกรที่ทำงานเภสัชกรรมปฐมภูมิ” วิทยากรประกอบด้วย ภญ.เนาวรัตน์ ทิพย์อุทัย โรงพยาบาลบางบ่อ สมุทรปราการ, ภญ.พชรณัฐฎ์ ชยณัฐพงศ์ โรงพยาบาลพรหมคีรี นครศรีธรรมราช และ ภญ.สุภาวดี เปล่งชัย โรงพยาบาลเสลภูมิ ร้อยเอ็ด ดำเนินรายการโดย ภก.ภาณุโชติ ทองยัง รองผู้อำนวยการ วิทยาลัยการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพแห่งประเทศไทย (วคบท.) ในภาคบ่ายเป็นการนำเสนอผลงานวิชาการรูปแบบ oral presentation แบ่งเป็นห้องย่อยที่ 1: ประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน และ ห้องย่อยที่ 2: การพัฒนาระบบความปลอดภัยด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชน

ในช่วงเย็นมีพิธีมอบประกาศนียบัตรวิชาชีพเภสัชกรรม สาขาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพ วคบท. และ ประกาศนียบัตรหลักสูตรผู้นำการจัดการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค (นจพบ.) คคส.

ส่วนวันที่ 24 มีนาคม 2558 ช่วงเช้า เป็นการอภิปราย เรื่อง “บทบาทของร้านยากับบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิ” วิทยากรประกอบด้วย นพ.ชูชัย ศรชำนิ ประธานกลุ่มภารกิจสนับสนุนเครือข่ายระบบบริการ, ภก.วินิต อัศวกิจวีรี ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, ผศ.ภญ.ดร.รุ่งเพ็ชร สกุลบำรุงศิลป์ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานศูนย์ป
ระสานงาน

การศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย (ศ.ศ.ภ.ท.), ภญ.ช้องมาศ นิติศฤงคาริน นายกสมาคมเภสัชกรรมชุมชน และภญ.จีรยา ธูปมงคล สถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ดำเนินรายการโดย ภญ.พรพรรณ สุนทรธรรม รองผู้อำนวยการ วิทยาลัยการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพแห่งประเทศไทย (วคบท.)

ถัดมาเป็นการ เสวนา เรื่อง เคล็ดไม่ลับที่จำเป็นสำหรับเภสัชกรในการดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน วิทยกรประกอบด้วย ภญ.ดร.รุ่งทิวา หมื่นปา หัวหน้างานบริบาลเภสัชกรรม รพ.ลำปาง และภก.ฉัตรพิศุทธิ์ วิเศษสอน รพ.สมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ดำเนินรายการโดย ภก.ธนพัฒน์ เลาวหุตานนท์ หัวหน้างาน สำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบยาและเวชภัณฑ์ และช่วงบ่ายปิดการประชุมด้วยการประชุมเครือข่ายเภสัชกรรมปฐมภูมิและกำหนดทิศทางในการขับเคลื่อน

 

Download เอกสารการประชุม “บทเรียนงานเภสัชกรรมปฐมภูมิ” วันที่ 23 –24 มีนาคม 2558

Download โปสเตอร์นำเสนอทางวิชาการทั้งหมดในงาน

การอภิปราย session ที่ 1

การอภิปราย session ที่ 2

 การอภิปราย session ที่ 3

ห้องที่ 1

ห้องที่ 2

ประชุมวิชาการ ร่าง พ.ร.บ.ยา

การประชุมวิชาการ“ร่าง พ.ร.บ.ยา พ.ศ… : ผลกระทบต่อระบบยา และผู้บริโภค”วันที่ 8 สิงหาคม 2557 เวลา 9.00-15.00 น. ณ  โรงแรมแมนดาริน  กรุงเทพฯ  เพื่อพิจารณา ผลกระทบต่อ ระบบยาและผู้บริโภค ของ ร่างพระราชบัญญัติยา พ.ศ. … ฉบับ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ ฉบับประชาชน

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 เวลา 9.00-15.00 น. แผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา (มสพ.) วิทยาลัยการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพแห่งประเทศไทย (วคบท.) และ แผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) จัดประชุมวิชาการ“ร่าง พ.ร.บ.ยา พ.ศ… : ผลกระทบต่อระบบยาและผู้บริโภค”วันที่ 8 สิงหาคม 2557 เวลา 9.00-15.00 น. ณ  โรงแรมแมนดาริน  กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ก็เพื่อพิจารณา ผลกระทบต่อระบบยาและผู้บริโภค ของ ร่างพระราชบัญญัติยา พ.ศ. … ฉบับ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ ฉบับประชาชน โดยมีผู้แทนจากภาคประชาชน และเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม ทั้งภาควิชาการ ภาครัฐ และภาคเอกชน จำนวน 70 คน

ผลจากการประชุมนำไปสู่แนวทางการขับเคลื่อนร่วมกัน นำไปสู่กฎหมายด้านยาที่สร้างระบบยา ที่มีเจตนารมณ์เพื่อสวัสดิภาพและการคุ้มครองประชาชนในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียนให้เข้าถึงยาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่กระบวนการการขึ้นทะเบียน การผลิต การกระจาย และการจ่ายยา

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

วิเคราะห์ร่าง พระราชบัญญัติยา พ.ศ… ฉบับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) : ปัญหาต่อระบบยาและผู้บริโภคโดย ผศ.ภญ.ดร. วรรณา ศรีวิริยานุภาพ

ความเห็นแย้งการแบ่งประเภทยาร่าง พรบ. ยา ฉบับที่เสนอโดย อย.และสาระสำคัญของ ร่างพระราชบัญญัติยา ฉบับประชาชนภก.วรวิทย์ กิตติวงศ์สุนทร

ร่าง พระราชบัญญัติยา ฉบับประชาชนโดย ผศ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี

กิจกรรม คคส. เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2557

กิจกรรมของ คคส. ในเดือน กรกฎาคม 2557 (9 มิ.ย.-14 ก.ค.57)

ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการสำรวจสถานการณ์การใช้น้ำมันทอดซ้ำฯ

(18 พ.ค.57) คณะทำงานพัฒนาหลักเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ แผนงานพัฒนาวิชากรและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) ภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดทำ “หลักเกณฑ์การพิจารณาองค์กรผู้บริโภคคุณภาพ” ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการพัฒนาองค์กรและเพื่อสร้างความเข้มแข็งของการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน ตลอดจนส่งเสริมการขึ้นทะเบียนองค์กรผู้บริโภคที่มีสิทธิเสนอผู้แทนเข้ารับเลือกเป็นกรรมการองค์การอิสระผู้บริโภคที่อาจจะมีขึ้นในอนาคต

คณะทำงานฯ จึงได้เชิญผู้นำองค์กรผู้บริโภคร่วมทำความเข้าใจหลักการ ความเป็นมาและเนื้อหาเกี่ยวกับเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ และร่วมแสวงหาแนวทางในการพัฒนาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ตามเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ ในการประชุม เรื่อง “องค์กรผู้บริโภคกับเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ”ณ ห้องกินนรี 1 โรงแรมอมารี แอร์พอร์ต ดอนเมือง กรุงเทพฯ

1) เพื่อ ทำความเข้าใจหลักการ ความเป็นมาและเนื้อหาเกี่ยวกับเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ 2) แสวงหาแนวทางในการพัฒนาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ตามเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ และ 3) รับสมัครองค์กรผู้บริโภคที่จะเป็นภาคีในการพิจารณาเป็นองค์กรผู้บริโภคคุณภาพ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ แกนนำองค์กรผู้บริโภคจาก 70 องค์กรจากภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร จำนวนที่ 70 คน

การประชุมในช่วงเช้าเป็นการบรรยายเรื่อง ความเป็นมาและสาระสำคัญของการเป็นองค์กรผู้บริโภคคุณภาพ โดย นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะทำงานฯ จากนั้นเป็นการนำเสนอ หลักเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ โดย รศ.ดร.วิทยา กุลสมบูรณ์ ผู้จัดการแผนงานฯ และการแบ่งกลุ่มพิจารณาให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาเกณฑ์ฯ จำนวน 6 กลุ่ม และนำเสนอผลการประชุมกลุ่ม และอภิปรายทั่วไป

ผลจากการประชุม นำไปสู่ความเห็นและข้อเสนอแนะจากแกนนำองค์กรผู้บริโภคเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ตามเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ และมีองค์กรผู้บริโภคที่จะเป็นภาคีในการพิจารณาเป็นองค์กรผู้บริโภคคุณภาพต่อไป

สัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำมาตรการในการควบคุม กำกับ และบังคับใช้กฎหมายกรณีปัญหาน้ำมันทอดซ้ำ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

(24-28 พ.ค.57) คณะกรรมการกำกับทิศทางแผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพจัดให้มีการศึกษาดูงานของคณะกรรมการกำกับทิศทางแผนงานฯ และภาคีที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิด การทำงาน และนโยบายตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กับองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศไทย

โดยเป็นไปตามยุทธศาสตร์การทำงานคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกับประเทศต่างๆในอาเซียน ซึ่งประเทศสิงคโปร์มีจุดเด่นควรแก่การศึกษาคือกฎหมายมะนาว (Lemon Law) ที่ให้อำนาจองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชนชื่อ Consumer Association of Singapore (CASE) ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มศักยภาพในการคุ้มครองผู้บริโภค และก็ปรากฏผลงานที่มีประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาสินค้าไม่ปลอดภัยจนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในประเทศสิงคโปร์

ส่วนประเทศมาเลเซียมีจุดเด่นคือมีองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคทั้งระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับประทศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลตั้งอยู่ เช่น Third World Network (TWN), Consumer Association of Penang (CAP), Federation of Malaysian Consumers Associations, (FOMCA) และ Ministry of Domestic Trade, Co-Operatives and Consumerism (MDTT) และหน่วยงานรัฐอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

สรุปการนำเสนอสารนิพนธ์ (IS) หลักสูตรพัฒนาผู้นำการจัดการเพื่อผู้บริโภค รุ่นที่ 2

(3 มิ.ย.57) ตามที่คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2557 (คจ.สช.) ได้เปิดช่องทางในการ เสนอประเด็นเพื่อพิจารณาจัดเป็นระเบียบวาระการประชุมในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 พ.ศ.2557 และได้เปิดรับประเด็นนโยบายฯ ทั้งนี้คจ.สช.ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการวิชาการ กลั่นกรองประเด็นเชิง นโยบายฯ เพื่อกำหนดเป็นร่างระเบียบวาระการประชุม และวางแผนสนับสนุนกระบวนการพัฒนาข้อเสนอ นโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม โดยให้ความสำคัญทั้งการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและข้อมูลหลักฐานทางวิชาการ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ต่อไป

ในการนี้คณะอนุกรรมการวิชาการ จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับหน่วยงาน/ องค์กร เครือข่ายผู้เสนอประเด็น ในวันอังคารที่ 3 มิถุนายน 2557 ณ ห้องชนกนันท์ โรงแรมเอบีน่า เฮ้าส์ กรุงเทพมหานคร

โดยเชิญ ผู้แทนแผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) ในฐานะ ผู้แทน 12 ภาคีที่เสนอประเด็น “การจัดการยาที่คุกคามสุขภาพคนไทย” เข้าร่วมประชุม เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะ และเสนอ แนวคิด สถานการณ์ และความสำคัญของประเด็นนโยบายฯ ตามที่เสนอ โดยประเด็น “การจัดการยาที่คุกคามสุขภาพคนไทย”

ซึ่ง คคส.และภาคีเครือข่ายเสนอ อยู่ในกลุ่มประเด็นที่พิจารณาตามหลักเกณฑ์แล้วมีความเหมาะสมน่าจะพิจารณาเป็นระเบียบวาระการประชุม กลุ่มย่อยที่ 2 ร่วมกับประเด็น “บทบาทของชุมชน/ท้องถิ่นในการจัดการระบบยาในชุมชน” จากนี้จะเป็นการประชุมร่วมกับภาคีเครือข่ายและผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อพัฒนาข้อเสนอฯ ต่อไป

 

กิจกรรม คคส. เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2557

กิจกรรม คคส. เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2557

 

จัดทำ “หลักเกณฑ์การพิจารณาองค์กรผู้บริโภคคุณภาพ”

18 พ.ค.57) คณะทำงานพัฒนาหลักเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ แผนงานพัฒนาวิชากรและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) ภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดทำ “หลักเกณฑ์การพิจารณาองค์กรผู้บริโภคคุณภาพ” ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการพัฒนาองค์กรและเพื่อสร้างความเข้มแข็งของการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน ตลอดจนส่งเสริมการขึ้นทะเบียนองค์กรผู้บริโภคที่มีสิทธิเสนอผู้แทนเข้ารับเลือกเป็นกรรมการองค์การอิสระผู้บริโภคที่อาจจะมีขึ้นในอนาคต

คณะทำงานฯ จึงได้เชิญผู้นำองค์กรผู้บริโภคร่วมทำความเข้าใจหลักการ ความเป็นมาและเนื้อหาเกี่ยวกับเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ และร่วมแสวงหาแนวทางในการพัฒนาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ตามเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ ในการประชุม เรื่อง “องค์กรผู้บริโภคกับเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ”ณ ห้องกินนรี 1 โรงแรมอมารี แอร์พอร์ต ดอนเมือง กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ เพื่อ 1) เพื่อ ทำความเข้าใจหลักการ ความเป็นมาและเนื้อหาเกี่ยวกับเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ

2) แสวงหาแนวทางในการพัฒนาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ตามเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ

3) รับสมัครองค์กรผู้บริโภคที่จะเป็นภาคีในการพิจารณาเป็นองค์กรผู้บริโภคคุณภาพ

โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ แกนนำองค์กรผู้บริโภคจาก 70 องค์กรจากภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร จำนวนที่ 70 คน

การประชุมในช่วงเช้าเป็นการบรรยายเรื่อง ความเป็นมาและสาระสำคัญของการเป็นองค์กรผู้บริโภคคุณภาพ โดย นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะทำงานฯ จากนั้นเป็นการนำเสนอ หลักเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ โดย รศ.ดร.วิทยา กุลสมบูรณ์ ผู้จัดการแผนงานฯ และการแบ่งกลุ่มพิจารณาให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาเกณฑ์ฯ จำนวน 6 กลุ่ม และนำเสนอผลการประชุมกลุ่ม และอภิปรายทั่วไป

ผลจากการประชุม นำไปสู่ความเห็นและข้อเสนอแนะจากแกนนำองค์กรผู้บริโภคเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ตามเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ และมีองค์กรผู้บริโภคที่จะเป็นภาคีในการพิจารณาเป็นองค์กรผู้บริโภคคุณภาพต่อไป

 

 

การศึกษาดูงานของคณะกรรมการกำกับทิศทางแผนงานฯ และภาคีที่เกี่ยวข้อง ในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย

(24-28 พ.ค.57) คณะกรรมการกำกับทิศทางแผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพจัดให้มีการศึกษาดูงานของคณะกรรมการกำกับทิศทางแผนงานฯ และภาคีที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิด การทำงาน และนโยบายตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กับองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศไทย

โดยเป็นไปตามยุทธศาสตร์การทำงานคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกับประเทศต่างๆในอาเซียน ซึ่งประเทศสิงคโปร์มีจุดเด่นควรแก่การศึกษาคือกฎหมายมะนาว (Lemon Law) ที่ให้อำนาจองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชนชื่อ Consumer Association of Singapore (CASE) ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มศักยภาพในการคุ้มครองผู้บริโภค และก็ปรากฏผลงานที่มีประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาสินค้าไม่ปลอดภัยจนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในประเทศสิงคโปร์

ส่วนประเทศมาเลเซียมีจุดเด่นคือมีองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคทั้งระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับประทศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลตั้งอยู่ เช่น Third World Network (TWN), Consumer Association of Penang (CAP), Federation of Malaysian Consumers Associations, (FOMCA) และ Ministry of Domestic Trade, Co-Operatives and Consumerism (MDTT) และหน่วยงานรัฐอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

การประชุมในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 พ.ศ.2557

(3 มิ.ย.57) ตามที่คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2557 (คจ.สช.) ได้เปิดช่องทางในการ เสนอประเด็นเพื่อพิจารณาจัดเป็นระเบียบวาระการประชุมในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 พ.ศ.2557 และได้เปิดรับประเด็นนโยบายฯ ทั้งนี้คจ.สช.ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการวิชาการ กลั่นกรองประเด็นเชิง นโยบายฯ

เพื่อกำหนดเป็นร่างระเบียบวาระการประชุม และวางแผนสนับสนุนกระบวนการพัฒนาข้อเสนอ นโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม โดยให้ความสำคัญทั้งการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและข้อมูลหลักฐานทางวิชาการ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ต่อไป

ในการนี้คณะอนุกรรมการวิชาการ จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับหน่วยงาน/ องค์กร เครือข่ายผู้เสนอประเด็น ในวันอังคารที่ 3 มิถุนายน 2557 ณ ห้องชนกนันท์ โรงแรมเอบีน่า เฮ้าส์ กรุงเทพมหานคร และเชิญ ผู้แทนแผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) ในฐานะ ผู้แทน 12 ภาคีที่เสนอประเด็น “การจัดการยาที่คุกคามสุขภาพคนไทย” เข้าร่วมประชุม เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะ และเสนอ แนวคิด สถานการณ์ และความสำคัญของประเด็นนโยบายฯ ตามที่เสนอ โ

ดยประเด็น “การจัดการยาที่คุกคามสุขภาพคนไทย” ซึ่ง คคส.และภาคีเครือข่ายเสนอ อยู่ในกลุ่มประเด็นที่พิจารณาตามหลักเกณฑ์แล้วมีความเหมาะสมน่าจะพิจารณาเป็นระเบียบวาระการประชุม กลุ่มย่อยที่ 2 ร่วมกับประเด็น “บทบาทของชุมชน/ท้องถิ่นในการจัดการระบบยาในชุมชน” จากนี้จะเป็นการประชุมร่วมกับภาคีเครือข่ายและผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อพัฒนาข้อเสนอฯ ต่อไป

กิจกรรม คคส. เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2557

กิจกรรมของ คคส. ในเดือนพฤษภาคม 2557 (14 เม.ย.-12 พ.ค.57)

 

การประชุมสมัชชาผู้บริโภคประจำปี 2557

(28-29 เม.ย.57) คณะกรรมการองค์การอิสาระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, แผนงานกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการวิทยุและกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดประชุมสมัชชาผู้บริโภคประจำปี 2557 “ร่วมตรวจสอบ เสนอแนะ แสดงพลังผู้บริโภค”

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ภาคีเครือข่าย (1) ทราบสถานการณ์และความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภค (2) ร่วมติดตามการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านต่างๆ (3) จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายและกำหนดทิศทางในการพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภค และ (4) ร่วมรณรงค์วันคุ้มครองผู้บริโภคไทย

มีผู้ร่วมประชุมประมาณ 500 คน ประกอบด้วย เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค 72 จังหวัด เครือข่ายผู้บริโภค้านต่างๆ กลุ่มผู้เสียหายที่ใช้สิทธิทั้ง 7 ด้าน เครือข่ายนักวิชาการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค หน่วยงานรัฐด้านการคุ้มครองผู้บริโภค สือมวลชน และ คณะกรรมการและอนุกรรมการองค์การอิสระฯ 7 ด้าน

โดยมีรูปแบบการจัดงานคือ 1) บรรยายและอภิปราย 2) เวทีวิชาการ 3) เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 4) นิทรรศการผลงานของเครือข่ายในการคุ้มครองผู้บริโภคยอดเยี่ยม และ 5) มอบโล่หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค สารคดีเชิงข่าวคุ้มครองผู้บริโภคจากสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ และผู้บริโภคยอดเยี่ยมประจำปี 2556 ซึ่งในวันที่ 28 เมษายน 2557 รศ.ดร.วิทยา กุลสมบูรณ์ เป็นวิทยากร ร่วมอภิปราย “ความก้าวหน้าและปัญหาของหน่วยงานรัฐในการคุ้มครองผู้บริโภคในรอบปีที่ผ่านมา”

ผลจากการประชุมนำไปสู่การจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายและกำหนดทิศทางในการพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภค นอกจากนี้ภายในงานยังมีการมอบรางวัลสื่อยอดเยี่ยมให้แก่สารคดีเชิงข่าวเรื่อง “ผู้บริโภครวมตัวร้องเรียนกรณีระบบเกียร์ของรถเชฟโรเล็ทออกอากาศทางช่อง TPBS 9 ตอน” จัดทำโดยวรลักษณ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

 

เวทีสมัชชาแรงงาน เรื่อง “การยกเลิก แร่ใยหิน ถึงข้อเรียกร้องสถาบันความปลอดภัยฯ”

(10 พ.ค.57) ด้วยคณะทำงานฯ จัดงานวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ครบรอบ 21 ปี ประกอบด้วย สภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยจากการทำงานและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย เครือข่ายรณรงค์ยกเลิกแร่ใยหินแห่งประเทศไทย (T-BAN) คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย แผนพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) องค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงาน นักวิชาการ และเครือข่ายผู้นำแรงงานในพื้นที่อุตสาหกรรมต่างๆ”

ได้มีมติร่วมกันในการจัดงาน เวทีสมัชชาแรงงาน เรื่อง “การยกเลิก แร่ใยหิน ถึงข้อเรียกร้องสถาบันความปลอดภัยฯ” เพื่อที่จะทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน ที่เป็นสารก่อมะเร็งเยื้อหุ้มปอด มะเร็งปอด โดยแฝงมากับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้อยู่และเกี่ยวข้อง ณ ห้องทองกวาว จามจุรี ชั้น 1 โรงแรมทีเค พาเลซ (TK Palace Hotel) ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

ซึ่งภายในงานมีการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน โดยขอให้รัฐบาลดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 12 เมษายน 2554 งดนำเข้าและเลิกใช้ผลิตภัณฑ์แร่ใยหินทันที พร้อมขอให้ชะลอการจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยฯ ที่กระทรวงแรงงานขาดการมีส่วนร่วม และให้เปิดเวทีทบทวนเนื้อหาของร่างกม.ฉบับผู้ใช้แรงงานและเครือข่ายภาคประชาชน รวมถึงร่างกม.ฉบับ คปก.นอกจากนี้ขอให้พัฒนาระบบการวินิจฉัยโรค รักษาเยียวยาผู้ป่วย จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ และเผยแพร่พิษภัยแร่ใยหินด้วย

 

(30 เม.ย.57) เข้าร่วมจัดนิทรรศการและเป็นวิทยากรกระบวนการในงาน สัมมนาเครือข่ายและแกนนำคุ้มครองผู้บริโภค จ.ยโสธร ประจำปี 2557 เนื่องในวันคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งทาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร เป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาฯ โดยมี นพ.สุใหญ่ หลิ่มโตประเสริฐ นพ.สสจ.ยโสธร เป็นประธาน มีการมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศการประกวด สปอตวิทยุรณรงค์การคุ้มครองผู้บริโภค และได้มีการเสวนาแนวทางการดำเนินงานพัฒนาเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค จ.ยโสธร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความเข้มแข็ง ประชาชนมีส่วนร่วม สร้างเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคในระดับพื้นที่ และในนามของโครงการปฏิวัติน้ำมันทอดซ้ำ ได้เข้าร่วมจัดนิทรรศการเพื่อนำเสนอเส้นทางน้ำมันทอดซ้ำ ฐานข้อมูลและการประเมินสถานการณ์ข้อเสนอแนะที่พร้อมต่อการนำเสนอต่อสาธารณะ และมีเครือข่ายเข้าร่วมประชุมเผื่อจะนำความเห็นที่ได้รับและข้อมูลทางวิชาการที่ทางคณะทำงานในโครงการฯ ได้นำเสนอ ได้รับทราบข้อเท็จจริงและนำไปเผยแพร่ ทบทวนแก้ไขเพิ่มเติมการดำเนินงานตามหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน ที่ได้เข้าชมนิทรรศการในครั้งนี้

โครงการปฏิวัติน้ำมันทอดซ้ำ

(7 พ.ค.57)จัดอบรมชี้แจงการดำเนินงานโครงการปฏิวัติน้ำมันทอด ณ เทศบาลตำบลสามแยก อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ให้กับผู้นำชุมชน อสม. และผู้ประกอบการร้านค้าในตลาดสด จำนวน 4 ชุมชนในเขตเทศบาลตำบลสามแยก เพื่อรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างการเปลี่ยน พฤติกรรมไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำเสื่อมสภาพประกอบอาหารในครัวเรือน และประกอบอาหารจำหน่ายในตลาดสด เพื่อหยุดเส้นทางการใช้น้ำมันทอดซ้ำที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยทางเทศบาลได้จัดจุดรับแลกน้ำมันเก่า 4/1 (น้ำมันทอดซ้ำเสื่อมสภาพ 4 ขวด แลกน้ำมันใหม่ 1 ขวด) และได้จัดทำสื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ป้าย รถแห่ หอกระจายข่าว เพื่อให้ประชาชนในเขตเทศบาลรับทราบการดำเนินงาน และสร้างกระแสตื่นตัวรวมดำเนินโครงการให้มากขึ้น ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์อุบลฯ ได้ร่วมดำเนินการและสาธิตการทำน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันทอดซ้ำเสื่อมสภาพ เพื่อเป็นทางออกของการจัดการน้ำมันที่เสื่อมสภาพ

7 ข้อเสนอ ดีเดย์…สมัชชาผู้บริโภค

ดีเดย์…สมัชชาผู้บริโภค เสนอให้ปฏิรูปกระบวนการทำกฎหมายของรัฐสภา เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคให้สามารถคืนสินค้าใหม่ในกรณีชำรุดบกพร่อง พร้อมจัดตั้งสภาผู้บริโภค ขึ้นตรวจสอบการทำงานและการบังคับใช้กฎหมายของรัฐเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค หลังจากที่ผ่านมาพบปัญหาอื้อ

รศ. ดร. จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน กล่าวว่า คณะกรรมการได้ทำหน้าที่ตามที่เขียนไว้ในร่างกฎหมายองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. … โดยได้ทำหน้าที่ให้ความเห็นและตรวจสอบการคุ้มครองผู้บริโภคของหน่วยงานรัฐ พบว่า ไม่ให้ความสำคัญต่อเหตุผลที่องค์กรผู้บริโภคเสนอ ได้แก่ การขึ้นค่าทางด่วน การประมูล 3 G การขึ้นค่าก๊าซ LPG และการให้ความเห็นต่อกรณีการขยายระยะเวลาสัมปทานคลื่น 1800 ซึ่งเสียผลประโยชน์ต่อประเทศ และผลกระทบต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ยังพบว่า การแก้ปัญหาเรื่องร้องเรียนมุ่งเน้น แก้ปัญหาเป็นรายกรณี ไม่มุ่งป้องกัน หรือปรับปรุงหลักเกณฑ์ และมีปัญหาการบังคับใช้กฎหมายในหลายหน่วยงาน

คณะกรรมการ ฯ เห็นว่า สิ่งที่เราต้องแก้ไขมากที่สุด คือการปรับปรุงกระบวนการทำกฎหมายของรัฐสภา เห็นได้จากกฎหมายองค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคที่ผลักดันมากกว่า 16 ปี ใช้เวลาพิจารณาในรัฐสภามากกว่า 5 ปี ก็ยังไม่แล้วเสร็จ หากไม่ใช่กฎหมายรัฐบาล พร้อมจะจัดตั้งสภาผู้บริโภคเพื่อตรวจสอบ และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง

ในส่วนข้อเสนอด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ อย. ต้องส่งเสริมให้เกิดฉลากอาหารที่เป็นมิตรกับผู้บริโภค โดยใช้มาตรการฉลากโภชนาการแบบสีสัญญาณไฟจราจร ในขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม แทนที่ฉลากโภชนาการแบบสีเดียว (ฉลาก GDA / ฉลากหวานมันเค็ม) มีระบุฉลากสารที่จะก่อการแพ้ รวมทั้งกำหนดมาตรฐานสารเคมีตกค้างในอาหารที่ปลอดภัยและชัดเจนของประเทศ

สำหรับข้อเสนอด้านสินค้าและบริการทั่วไป ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าควรตั้งคณะทำงานร่วมยกร่างกฎหมายจัดการปัญหาสินค้ามือหนึ่งชำรุดบกพร่อง ให้สิทธิและหน้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และควรดำเนินการให้ผู้บริโภคไทยเข้าถึงข้อมูลการเตือนเรื่องสินค้า (Product Alerts) ในอาเซียน

ข้อเสนอด้านบริการสาธารณะ ในส่วนของรถโดยสารสาธารณะ ต้องยกเลิกรถโดยสารสองชั้นในเส้นทางเสี่ยง และการช่วยเหลือชดเชยเยียวยาต้องเป็นไปตามความร้ายแรงของการละเมิด

 

นอกจากนี้หน่วยงานรัฐต้องหาทางสนับสนุน การทำงานขององค์กรผู้บริโภค หรือใช้รูปแบบจากสิงคโปร์ในการเก็บเงินจากผู้ประกอบธุรกิจที่ถูกร้องเรียน โดยกระบวนการพิจารณาจะต้องดำเนินการอย่างเป็นธรรมเคร่งครัด และเป็นมิตรกับประชาชน มีกระบวนการเยียวยาความเสียหายจากการรับบริการนั้นๆ อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังเห็นว่าหน่วยงานควรมีหน่วยให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องสิทธิ หน้าที่ ความรู้ทางด้านกฎหมาย เพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อจากการรับบริการอีก อย่างไรก็ตามขณะนี้เราได้จัดทำข้อเสนอสำหรับการคุ้มครองผู้บริโภคทั้ง 7 ด้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการเสนอให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการตามข้อเสนอต่อไป

รศ. ดร. จิราพร กล่าวต่อว่า ยกตัวอย่างกรณีของรถโดยสารสาธารณะที่มีปัญหาการตาย โดยเฉพาะรถทัวร์ 2 ชั้นซึ่งมีปัญหามากในขณะนี้เราเห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งในส่วนที่จะมาควบคุมเรื่องมาตรฐานของรถ คนขับรถ ผู้ประกอบการ ที่สำคัญคือ ในการอนุญาตรถโดยสารคันใหม่ควรเปิดเฉพาะรถทัวร์โดยสารชั้นเดียว ทั้งนี้เพื่อลดการใช้รถทัวร์โดยสาร 2 ชั้นที่ค่อนข้างมีปัญหามาก นอกจากนี้ยังต้องบังคับใช้กฎหมายการจราจร การบังคับใช้เส้นทาง และการปรับปรุงถนนให้เหมาะสม โดยเฉพาะเส้นทางที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง เช่น เส้นทางบริเวณทางเขา ที่มีทางโค้งและทางลาดชันค่อนข้างมาก

นอกจากนี้อีกหน่วยงานที่มีความสำคัญคือกระทรวงศึกษาธิการต้องทบทวนการจ่ายค่าหัวสำหรับนักเรียนที่จะไปทัศนศึกษา ในอัตราที่เพียงพอต่อการเช่ารถที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วจะต้องมีมาตรการเยียวยาที่เหมาะสม มีการเพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลที่คุ้มครอง และไม่ต้องรอพิสูจน์ถูกผิดแต่ให้แยกเงินชดเชยกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ ออกจากค่ารักษาพยาบาล หรืออย่างกรณีข้อเสนอด้านบริการสาธารณะของพลังงานเราเห็นว่า รัฐบาลจะต้องปรับปรุงโครงสร้างกิจการพลังงานทั้งระบบให้เป็นธรรมกับผู้บริโภค และส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนและการอนุรักษ์พลังงานอย่างจริงจัง เพื่อลดสัดส่วนการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศให้ลดน้อยลง

โดยสิ่งที่ต้องดำเนินการคือ

1. ยกเลิกนโยบายการจัดสรรก๊าซ LPG ให้ปิโตรเคมีใช้เป็นลำดับแรก แต่ให้จัดสรรให้กับประชาชนเป็นอันดับแรกโดยเฉพาะภาคครัวเรือนโดยคิดราคาตามต้นทุนที่แท้จริงบวกกำไรที่เหมาะสมเป็นธรรมต่อผู้ใช้และผู้ผลิต ไม่ใช่ไปอิงราคาตลาดโลก

2. สร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติเพิ่มให้เพียงพอต่อปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้

3.ยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะมีการเก็บเงินจากประชาชนไปใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยไม่มีการตรวจสอบ ทำให้โครงสร้างน้ำมันสำเร็จรูปไม่เป็นไปตามกลไกตลาดที่แท้จริง

4. มีมาตรการเพื่อยุติการผูกขาดของบริษัท ปตท. ฯ ในกิจการพลังงานของไทย เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม

5. ยกเลิก พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 และออกกฎหมายปิโตรเลียมฉบับใหม่ โดยให้ประมูลสัมปทานการสำรวจและขุดในระบบสัญญาแบ่งปัน ที่มีรัฐเป็นเจ้าของ ซึ่งการทำพลังงานไปใช้ต้องเกิดประโยชน์กับประชาชน ที่สำคัญคือให้จัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติขึ้นแทนบริษัท ปตท.ฯ

6. แก้กฎหมายห้ามมิให้ข้าราชการที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลการพลังงาน เข้าดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในบริษัทพลังงานและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง จนกว่าจะเกษียณอายุแล้ว 2 ปี

7. ให้มีศูนย์สารสนเทศด้านพลังงานที่เป็นอิสระ เพื่อให้การเปิดเผยข้อมูลในกิจการพลังงานเป็นไปอย่างมีระบบ มีอิสระ ไม่ซ้ำซ้อน หรือก่อให้เกิดความสับสน เข้าถึง เข้าใจได้ง่าย และเป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการประกอบกิจการพลังงานได้มากขึ้น

สำหรับข้อเสนอด้านที่อยู่อาศัยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านอสังหาริมทรัพย์ ต้องกำหนดมาตรฐานสัญญาเช่าปรับปรุงสัญญาซื้อขายบ้านและอาคารชุด ให้เป็นธรรมและมีมาตรฐานเดียว และเพิ่มมาตรฐานการรับรองโครงสร้างอาคารและอุปกรณ์ให้ระยะเวลาการคุ้มครองผู้บริโภคยาวนานขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หากพบความชำรุดบกพร่องหรือเกิดปัญหาซ้ำเดิม ซ่อมแล้วซ่อมอีกต้องกำหนดมาตรการลงโทษผู้ประกอบการ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างจริงจัง

ส่วนข้อเสนอด้านสื่อและกิจการโทรคมนาคม ในส่วนของ กสทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแล ต้องบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างจริงจังและให้เกิดประโยชน์กับผู้บริโภคมากที่สุด และไม่เอื้อประโยชน์กับบริษัทเอกชนทั้งทางตรงและทางอ้อม หากพบการกระทำผิดหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่จะต้องมีบทลงโทษที่เหมาะสมตามที่กฏหมายกำหนดไว้ ขณะเดียวกัน กทค. ควรแก้ไขประกาศกระบวนการรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้บริการ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมชัดเจน สามารถป้องกันการละเมิดสิทธิผู้บริโภคที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ และต้องสามารถควบคุมการโฆษณที่ผิดกฎหมาย ทั้งไม่ขออนุญาต เกินจริง และเป็นเท็จได้

ด้านนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน ได้มีคณะทำงานซึ่งมีนักวิชาการด้านต่าง ๆ ช่วยสนับสนุนการจัดทำวิจัยเพื่อเสนอมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคใน 7 ด้าน คือ

1.การศึกษาบริการฉุกเฉิน และความไม่ครอบคลุมของบริการสาธารณสุขของแรงงาน ซึ่งจากปัญหาของประชาชนในการใช้บริการในกรณีฉุกเฉิน และมีความเหลื่อมล้ำกันของ 3 กองทุนสวัสดิการข้าราชการ ระบบประกันสังคม และระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) หรือปัญหาความรับผิดชอบของโนรงพยาบาลเอกชนต่อสุขภาพองคนไทย

2. ศึกษาการกำกับดูแลบริการการบินต้นทุนต่ำในต่างประเทศ และจัดทำข้อเสนอต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคกรณีใช้รถโดยสาร 2 ชั้น ที่จะเห็นว่าไม่ได้มาตรฐาน มีการดัดแปลงผิดรูปแบบ และไม่มีระบบป้องกันความปลอดภัย หรือมีแต่ใช้ไม่ได้ ไม่มีการบังคับใช้ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากกว่าปกติ

3. การศึกษาการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนในระดับสำนักงานขนาดเล็ก และการจัดทำข้อเสนอต่อกิจการพลังงาน ซึ่งปัจจุบันจะพบว่ามีการผูกขาดของกลุ่มธุรกิจพลังงานขนาดใหญ่เพียงไม่กี่กลุ่ม เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคในด้านโครงสร้างการจัดการและโครงสร้างราคาพลังงาน โดยประชาชนเป็นผู้ได้รับผลกระทบมาที่สุด และขาดระบบรวมทั้งกลไกการอนุรักษ์พลังงานและการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน

4. ด้านโทรคมนาคมที่มีการแก้ปัญหาแบบรายกรณี ไม่บังคับใช้กฎหมายที่จริงจัง

5. ปัญหาการฉ้อโกงและคุณภาพการก่อสร้างด้านที่อยู่อาศัย

6. การศึกษากฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในกรณีความชำรุดบกพร่องของสินค้าแต่ไม่สามารถใช้สิทธิในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนคืนได้ (Lemon Law) ในประเทศเยอรมันและสิงคโปร์

7. การศึกษาด้านการกำกับดูแลค่าธรรมเนียมในต่างประเทศ โดยปัญหาขณะนี้พบว่า ธนาคารต่างๆ หันมาประกอบธุรกิจประกันชีวิต หลักทรัพย์ และ กองทุน มีผลกระทบต่อผู้บริโภค เช่น ปัญหาบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ธุรกิจเช่าซื้อ และ บริการอื่น ๆ ของธนาคารพาณิชย์ และจากการตรวจสอบข้อการร้องเรียนพบว่า บางกรณีเกิดจากการที่ผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการบิดเบือนข้อมูลผลประโยชน์และภาระค่าใช้จ่าย ยัดเยียดการขาย บังคับขายพ่วงประกันชีวิตที่ทางธนาคารเป็นผู้รับประโยชน์ สร้างสิ่งจูงใจเพื่อล่อให้ซื้อบริการแต่ในทางปฏิบัติกลับพบเงื่อนไขมากมาย รวมถึงการปล่อยเงินกู้ที่ไม่เป็นธรรม

ทั้งนี้ในงานสมัชชาผู้บริโภค ประจำปี 2557 นี้ ได้จัดให้มีการโหวตหน่วยงานที่ผู้บริโภคสามารถดำเนินการเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคได้ดีที่สุด ซึ่งหน่วยงานที่ได้รับรางวัล ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน( ศคง.) และรางวัลบุคคลใช้สิทธิยอดเยี่ยม ปี 2556 ผู้ที่ได้รับรางวัล มี 2 รางวัล ได้แก่

1.นายประทีป เข็มกำเนิดที่คณะกรรมการ ฯ ได้พิจารณาคุณสมบัติ พบว่า เป็นผู้ที่พิทักษ์สิทธิตนเอง มีการพัฒนาตนเองไปสู่การเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้เดือนร้อนอื่นๆ

2.นางจาฎุพัจน์ พงษ์ธีรมิตรจากการพิจารณาคุณสมบัติ พบว่า เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพิทักษ์สิทธิตนเอง

ส่วนรางวัล กลุ่มใช้สิทธิยอดเยี่ยม ปี 2556 กลุ่มที่ได้รับรางวัล มี 2 รางวัล คือ

1.กลุ่มผู้เสียหายจากกรณีรถยนต์มือหนึ่งชำรุดบกพร่อง จากการพิจารณาคุณสมบัติ พบว่า เป็นกลุ่มที่สร้างการมีส่วนร่วมและติดตามปัญหาอย่างต่อเนื่อง

2.กลุ่มผู้เสียหายจากกรณีร้องเรียนแคลิฟอร์เนียฟิตเนส ว้าว จากการพิจารณาคุณสมบัติ พบว่า เป็นกลุ่มที่มีความมุ่งมั่น แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการไม่ควรเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยวิธีการอาศัยธุรกิจมาเอาเปรียบผู้บริโภค

สมัชชาเปิดความก้าวหน้าคุ้มครองผู้บริโภค ไม่รอรัฐ-กฎหมาย ลุยเอง

     ประชุมสมัชชาผู้บริโภค เปิดผลการทำงานก้าวสู่ปี 2 ดันสำเร็จ ยกเลิกค่าธรรมเนียมโอนเงินทางเอทีเอ็ม, ร่วมมือห้างใหญ่เข้มงวดสารเคมีตกค้างในผัก, ปรับปรุงกฎหมายให้มูลนิธิผู้บริโภคเป็นผู้แทนฟ้องร้องผู้ประกอบการได้ ชูโมเดลสิงคโปร์ให้ผู้ประกอบการที่ถูกฟ้องออกค่าใช้จ่าย

     28 เมษายน 2557 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ในงานประชุมสมัชชาผู้บริโภค ประจำปี 2557 “ร่วมตรวจสอบ เสนอแนะ แสดงพลังผู้บริโภค” มีผู้เข้าร่วมประมาณ 500 คนจากเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค 72 จังหวัด กลุ่มผู้เสียหาย หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และผู้สนใจทั่วไป

     น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค และ ส.ว.สมุทรสงคราม กล่าวเปิดงานว่า งานวันนี้เป็นการรวมพลคนรักษาสิทธิประจำปีก่อนจะถึงวันที่ 30 เมษายนซึ่งถูกกำหนดเป็นวันผู้บริโภคไทย ที่ผ่านมาประเทศไทยซึ่งปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่เสียงส่วนใหญ่คือ “ผู้บริโภค” ไม่เคยเสียงดัง เท่าภาคเศรษฐกิจอื่นๆ ไม่ว่าสภาอุตสาหกรรม สมาคมหอการค้า สมาคมธนาคารไทย

     “วันนี้เรามาทวงสิทธิ ไม่ใช่ร้องขอสิทธิ เราไม่รอกฎหมายอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว เราจะเดินหน้า เราจะต่อสู้ของเราเอง เพราะสิทธิผู้บริโภคคือสิทธิพลเมือง คือสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน เป้าหมายของเราคือทำให้ผู้บริโภคทุกคมีความรู้และสามารถปกป้องสิทธตนเองได้” บุญยืนกล่าวและว่า ภาคประชาชนได้คัดเลือกและจัดตั้ง ‘คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน’ ขึ้นเองแล้ว หลังจากรัฐบาลได้ยุบสภาไปโดยที่ ร่างพ.ร.บ.องค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ… ที่ประชาชนรวบรวมรายชื่อเสนอค้างอยู่ในวาระที่ 3 ของผู้แทนราษฎร

     นอกจากนี้ภายในงานยังมีการมอบรางวัลสื่อยอดเยี่ยมให้แก่สารคดีเชิงข่าวเรื่อง “ผู้บริโภครวมตัวร้องเรียนกรณีระบบเกียร์ของรถเชฟโรเล็ทออกอากาศทางช่อง TPBS 9 ตอน” จัดทำโดยวรลักษณ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

     น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวถึงความคืบหน้าในการผลักดันเรื่องต่างๆ ในรอบปีที่ผ่านมาว่า การจัดการเรื่องการโฆษณาในเคเบิลทีวีและวิทยุชุมชนนั้น เห็นความพยายามและความร่วมมือระหว่าง กสทช. องค์การอาหารและยา (อย.) และตำรวจคุ้มครองผู้บริโภคที่กำหนดจะจัดการปัญหาที่ได้รับร้องเรียนภายใน 7 วัน, ด้านการรักษาพยาบาล นโยบายเกี่ยวกับการเจ็บป่วยฉุกเฉินนั้นกำหนดให้ประชาชนใช้สิทธิที่ใดก็ได้หากมีเหตุอันควร แม้เป็นความก้าวหน้าทางนโยบายแต่มีปัญหาในทางปฏิบัติอยู่มาก รพ.เอกชนหลายแห่งยังไม่รับเงื่อนไขนี้ เนื่องจากราคาที่ สปสช.จ่ายให้ยังไม่เป็นที่พอใจ จึงเป็นเรื่องท้าทายที่ผู้บริโภคต้องทำให้ รพ.เอกชน 100-200 แห่งนี้เข้ามาอยู่ในระบบสุขภาพมากขึ้น และออกกฎให้รพ.เอกชนสำรองเตียงฉุกเฉินไว้ 20% ด้วย เพื่อเป็นการรับผิดชอบระบบสุขภาพของประเทศร่วมกัน

 

     สารีกล่าวถึงความก้าวหน้าอีกเรื่องว่า ปัจจุบันกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคอนุญาตให้สมาคมหรือมูลนิธิฟ้องคดีแทนได้ แต่ก็ยังไม่มีหลักเกณฑ์ออกมาว่าจะต้องทำอย่างไร นอกจากนี้ขอเสนอสิ่งที่ท้าทายต่อไปเลยว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคมีประสบการณ์การฟ้องคดีมาประมาณ 500 คดีพบว่ามีค่าใช้จ่ายสูงมาก เพียงค่าทนายอาสาไปศาลก็สูงถึง 600 บาทต่อครั้ง จึงเห็นควรให้มีกลไกสนับสนุน โดยขอเสนอโมเดลของสิงคโปร์ที่กำหนดว่า หากบริษัทใดถูกร้องเรียนให้บริษัทนั้นจ่ายเงินในการไกล่เกลี่ยให้กับองค์กรผู้บริโภคที่ดำเนินการด้วย

     เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวต่อว่า ยังมีความก้าวหน้าด้านอื่นๆ เช่น ทางธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินทางอินเตอร์เน็ตหรือเอทีเอ็ม ความตื่นตัวเรื่องการไม่ยืนบนรถตู้ ความไม่ปลอดภัยของรถทัวร์สองชั้น นอกจากนี้ยังมีความก้าวหน้าในเชิงการทำงานกับภาคเอกชนมากพอควร เช่น ความร่วมมือกับบริษัททรู ในการกำกับค่าบริการในต่างประเทศ หรือกรณีสารเคมีตกค้างในผัก มีความร่วมมือกับผู้ค้ารายใหญ่หลายเจ้า ทุกบริษัทรับปากว่าจะพยายามกำกับอย่างเข้มข้นไม่ให้มีสินค้าที่ใช้สารเคมีที่ถอนทะเบียนแล้ว, พยายามหลีกเลี่ยงสินค้าที่มีสารเคมีที่เป็นอันตราย 7 ตัว, ผลักดันการออกค่ามารตรฐานสารเคมีตกค้าง

     รศ.ดร.วิทยา กุลสมบูรณ์ ผอ.สถาบันวิจัยสังคม และ ผู้จัดการแผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภค (คคส.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการดำเนินการของภาครัฐ โดยแบ่งเป็นเรื่องที่มีความคืบหน้า เช่น การยกเลิกสารเคมีทางการเกษตรที่อันตราย, การพัฒนามาตรฐานรถตู้สาธารณะ เรื่องที่หน่วยงานรัฐไม่กระตือรือร้น เช่น การแบนแร่ใยหินในอุตหสาหกรรม เรื่องที่ได้รับการต่อต้าน คือ ร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ ที่ภาควิชาชีพยังต่อต้านมาก และ พ.ร.บ.ยา ซึ่งไปเกี่ยวพันกับภาคธุรกิจ

     น.ส.สุวรรณา สมบัติรักษาสุข ผอ.สถานีวิทยุจุฬาฯ กล่าวถึงความไม่คืบหน้าในด้านสื่อ โดยเฉพาะบทบาท กสทช. ซึ่งกำหนดว่าจะจัดสรรคลื่น 20% ให้ประชาชน แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นภาคประชาชนเรียกร้องสิทธิ 20% ของตัวเอง ไม่เคยทวงถามใบอนุญาตที่ไม่ยังเกิดขึ้นเสียที กรณีคลื่นความถี่เดิมของวิทยุ 500 กว่าคลื่นในภาครัฐก็ยังไม่เห็น กสทช.เรียกคืนคลื่นได้สักคลื่น การประมูลคลื่นความถี่ของภาคธุรกิจที่ประมูลไปแล้ว ประชาชนก็เข้าไปมีส่วนร่วมน้อยมาก ขณะที่ธรรมาภิบาลและความโปร่งใสของ กสทช. ก็ยังไม่มีความก้าวหน้าทั้งที่เป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบการทำงาน

     ชโลม เกตุจินดา อุปนายกสมาคมผู้บริโภคสงขลา กล่าวว่า ขณะที่คนทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคมักถูกฟ้องจากผู้ประกอบการ แต่ผู้บริโภคที่ถูกหลอกจะไปร้องเรียนผู้ประกอบการนั้นยากมาก ทั้งที่ปัญหาการเงินการธนาคาร มีความรุนแรง เร่งด่วนและส่งผลกระทบต่อสังคมกว้างมาก เช่น กรณีสัมพันธ์ประกันภัยล้ม ก่อนจะล้มเล็กน้อยคนก็ยังทำประกันเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ข่าว เรื่องของหน่วยงานกำกับดูแลก็ไม่ชัดเจนเพราะธุรกิจการเงินนั้นซับซ้อนมาก ทำให้หลายเรื่องยังคงมีช่องโหว่ในการดูแลจากภาครัฐไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังก็ตาม ขณะนี้ได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานกำกับดูแลแล้วเพื่อปรับปรุงมาตรฐานการกำกับดูแลแล้ว นอกจากนี้บทบาทของท้องถิ่นก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในการคุ้มครองผู้บริโภคมากขึน และเป็นอีกกลไกหนึ่งน่าจับตาในการไกล่เกลี่ยปัญหาผู้บริโภคในพื้นที่

     ทั้งนี้ งานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-29 เมษายน 2557 โดยคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, แผนงานกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการวิทยุและกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

 

กิจกรรม คคส. เดือน มีนาคม 2557

แถลงข่าว “สระบุรี ของดี กะหรี่ดัง ปลอดสารโพลาร์” ณ ตลาดน้ำดาวเรือง ต.ดาวเรือง อ.เมืองสระบุรี

(7 ก.พ.57) โครงการสระบุรี  ของดี กะหรี่ดัง ปลอดสารโพลาร์ ภายใต้การสนับสนุนของ คคส. จัดแถลงข่าว “สระบุรี ของดี กะหรี่ดัง ปลอดสารโพลาร์” ณ ตลาดน้ำดาวเรือง ต.ดาวเรือง อ.เมืองสระบุรี โดยจังหวัดสระบุรี เดินหน้ายกระดับคุณภาพของฝากยอดนิยม กะหรี่ปั๊บ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ นักท่องเที่ยวและผู้บริโภคทั่วไป

ทั้งนี้ เพื่อรณรงค์ให้แม่ค้าพ่อค้าที่จำหน่ายของทอด ตระหนักถึงความสำคัญของคุณภาพน้ำมันที่ใช้ในการทอดอาหาร และไม่ใช้น้ำมันที่ถูกรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ หรือใช้น้ำมันทอดซ้ำกันหลายๆครั้ง จนเกิดสารก่อมะเร็ง นอกจากทำให้ผู้บริโภคมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ผู้ขายเองก็ได้รับอันตรายจากการสูดดมถึงขั้นเป็นมะเร็งเช่นกัน

โดยจังหวัดสระบุรีได้มีการเก็บตัวอย่างน้ำมันที่ใช้ในการทอดอาหารจำหน่ายของผู้ลิตหรือขายอาหาร พร้อมแนะนำผู้บริโภคในการเลือกซื้ออาหารทอดให้สังเกตจากป้ายรับรองมาตรฐาน และมีนโยบายขยายพื้นที่การทำงานจาก 2 อำเภอ (อ.เมือง และ อ.มวกเหล็ก) สู้ 13 อำเภอ ในจังหวัดสระบุรี

 

ศึกษาดูงานและประชุมเรื่อง ความร่วมมือในการจัดการน้ำมันทอดซ้ำเสื่อมสภาพ ณ สระบุรี

(10 เม.ย.57) ศึกษาดูงานและประชุมเรื่อง ความร่วมมือในการจัดการน้ำมันทอดซ้ำเสื่อมสภาพ ณ โครงการจัดตั้งสำนักงานจัดการพื้นที่จุฬาฯ-สระบุรี อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ โรงพยาบาลแก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เพื่อศึกษาดูงานเครื่องผลิตไบโอดีเซล ณ โครงการจัดตั้งสำนักงานจัดการพื้นที่จุฬาฯ-สระบุรี และประชุมเพื่อสร้างความร่วมมือในการจัดการน้ำมันทอดซ้ำเสื่อมสภาพ ในจังหวัดสระบุรี โดยมีผู้ร่วมศึกษาดูงานและประชุม จาก คณะทำงานสิ่งแวดล้อม จุฬาฯ ส่วนราชการจังหวัดสระบุรี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี โรงพยาบาลแก่งคอย ประมาณ 30 คน

 

เสวนา “ปฏิรูปการคุ้มครองสุขภาพคนไทย ยกเลิกแร่ใยหิน” ณ โรงแรมรัตนโกสินทร์

(28 มี.ค.57) แผนงาน คคส.ร่วมกับ เครือข่ายรณรงค์ยกเลิกแร่ใยหินแห่งประเทศไทย(T-BAN) และสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.)จึงได้จัดการเสวนา “ปฏิรูปการคุ้มครองสุขภาพคนไทย ยกเลิกแร่ใยหิน” ณ โรงแรมรัตนโกสินทร์ มีผู้เข้าร่วมเสวนาจำนวน 50 คน

วัตถุประสงค์ของการจัดเสวนามีดังนี้ 1)เพื่อเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้สาธารณชนรับทราบ 2)เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนานโยบายขจัดโรคจากแร่ใยหินในประเทศไทย 3)เพื่อสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนนโยบายขจัดโรคจากแร่ใยหิน

โดยมีนักวิชาการจาก เครือข่าย T-BAN ร่วมเป็นวิทยากรในหัวข้อ การแปรรูปเจตนารมณ์ มติ ครม. สถานการณ์แร่ใยหินในประเทศไทย อันตรายเชิงประจักษ์ของแร่ใยหินและความเข้าใจผิด (คนป่วยในไทย จำเป็นหรือไม่ที่ต้องรอ) และเจตนารมณ์คนไทยกับแร่ใยหิน

 

ประชุมวิชาการ เรื่อง “การจัดลำดับความสำคัญของสินค้าไม่ปลอดภัยในระดับจังหวัดและระดับภาค

(13-14 มี.ค.57) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และชมรมเภสัชสาธารณสุขจังหวัดแห่งประเทศไทย จัดประชุมวิชาการ เรื่อง “การจัดลำดับความสำคัญของสินค้าไม่ปลอดภัยในระดับจังหวัดและระดับภาค”ณ ริชมอนด์ บอลลูม โรงแรมริชมอนด์ นนทบุรี

เพื่อให้ผู้รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภคในระดับจังหวัดเข้าใจการจัดลำดับความสำคัญของสินค้าไม่ปลอดภัย (Issue Prioritization) และได้แนวทางความร่วมมือกันในระดับภาคในการจัดลำดับความสำคัญของสินค้าไม่ปลอดภัย โดยผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยเภสัชกรประจำสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 76 แห่งๆละ 2 คน รวมจำนวน 120 คน

ผลจากการประชุม เภสัชกรจังหวัดสามารถนำหลักเกณฑ์การจัดลำดับความสำคัญของสินค้าไม่ปลอดภัยไปใช้ในการดำเนินการในระดับจังหวัด

 

ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการแก้ไขปัญหาโฆษณาที่ไม่เหมาะสมทางสื่อวิทยุกระจายเสียงวิทยุ ณ โรงแรมธนินทร กรีนปาร์ค จังหวัดร้อยเอ็ด

(25 มี.ค.57) สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับ อย. กสทช. ภาครัฐ เอกชน องค์กรคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงในจังหวัดร้อยเอ็ด รวม 14 หน่วยงาน ได้จัดเวทีสัมมนา เพื่อลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการแก้ไขปัญหาโฆษณาที่ไม่เหมาะสมทางสื่อวิทยุกระจายเสียงวิทยุ ณ โรงแรมธนินทร กรีนปาร์ค จังหวัดร้อยเอ็ด

โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ ภายใต้โครงการการจัดการปัญหาการโฆษณายาและผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อวิทยุ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค จังหวัดร้อยเอ็ด (คคส.) หวังชูร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดนำร่อง โดยมีเภสัชกร ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นประธาน

ร่วมด้วย นางสาว สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดร่วมในการสัมมนาในครั้งนี้ด้วย

การจัดเวทีสัมมนาในครั้งนี้ มีผู้ที่เข้าร่วมการสัมมนาประกอบด้วย เครือข่ายสถานีวิทยุกระจายเสียงจำนวน 150 คน ตัวแทน อสม.อำเภอละ 1 คน จาก 20 อำเภอ เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 20 คน เภสัชกรจากโรงพยาบาลชุมชน จำนวน 20 คน สมาคมผู้บริโภคร้อยเอ็ดจำนวน 10 คน และจากองค์กรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 30 คน รวมทั้งสิ้น 250 คน

ผลการดำเนินโครงการด้านผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแร่ใยหิน

ผลการดำเนินโครงการด้านผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแร่ใยหิน

ผลจาการดำเนินโครงการโครงการความร่วมมือเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแร่ใยหินอันส่งผลกระทบต่อสุขภาพ จังหวัดเชียงราย ทำให้เทศบาลแม่ยาว ออกประกาศเทศบาลตำบลแม่ยาว เรื่อง กำหนดแนวทางการขออนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลงหรือรื้อถอนอาคารให้ปลอดภัยจากแร่ใยหิน ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

 

 

ภาพประกาศเทศบาลตำบลแม่ยาว เรื่อง กำหนดแนวทางการขออนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลงหรือรื้อถอนอาคารให้ปลอดภัยจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแร่ใยหิน, ประกาศ ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2556