ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลกำลังระบาดในสหรัฐ มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 1 หมื่นคน

ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาจากประเทศจีนที่การระบาดยังไม่ยุติ เมื่อข้ามฟากไปยังสหรัฐอเมริกา โรคระบาดที่ชาวอเมริกันคุ้นเคยก็กำลังกัดกินประชากรในประเทศของพวกเขาอย่างเงียบเชียบ

ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลอาจไม่ใช่โรคที่ฟังดูน่ากลัวเท่าไรนัก โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้คนกำลังหันไปให้ความสนใจไวรัสตัวใหม่อย่างโคโรนา แต่ในทุกๆ ปี โรคที่ฟังดูไม่น่ากลัวนี้ กำลังระบาดไปทั่วทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา และตัวเลขปัจจุบันก็บ่งบอกว่าฤดูกาลนี้เป็นหนึ่งในการระบาดที่เลวร้ายที่สุดในรอบทศวรรษ

ข้อมูล ระบุว่า ขณะนี้มีชาวอเมริกันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลประมาณ 19 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 10,000 คน ซึ่งยังไม่รุนแรงเท่ากับฤดูกาลในปี 2017-2018 ที่มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 45 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 61,000 คน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) ประเมินว่าในที่สุดแล้ว ฤดูกาลนี้จะมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 21 ล้านคน

เมื่อนำตัวเลขดังกล่าวมาเทียบกับไวรัสโคโรนาที่มีสัดส่วนผู้เสียชีวิตต่อผู้ติดเชื้อประมาณ 2.2 เปอร์เซ็นต์ ไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้มีสัดส่วนผู้เสียชีวิตประมาณ 0.095 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และยังมีอัตราการแพร่กระจายหรือค่าเฉลี่ยที่ผู้ป่วย 1 คน จะแพร่เชื้อให้คนอื่นอยู่ที่ระหว่าง 1.2-1.6 คน ในขณะที่ไวรัสโคโรนามีค่าเฉลี่ยเบื้องต้นอยู่ที่ 1.4-2.5 คน ไข้หวัดใหญ่จึงเป็นโรคที่สามารถควบคุมการแพร่เชื้อได้ง่ายกว่า

แอนโธนี เอส. ฟาวชี (Anthony S. Fauci) ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อของสหรัฐ กล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่ที่อเมริกากำลังเผชิญและเคยเผชิญมาแล้วเป็นปกตินั้น มีความเอาแน่เอานอนได้มากกว่าไวรัสโคโรนาที่เป็นของใหม่ แล้วพวกเขาก็สามารถยืนยันได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จะลดลงเมื่อถึงเดือนมีนาคมหรือเมษายน

เรียกได้ว่าเป็นภัยที่มาทุกปี และมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงทุกปี จนเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับอเมริกา

แต่ในความปกติของฤดูกาลนี้ ก็ยังมีความไม่ปกติซ่อนอยู่

เมื่อกางไทม์ไลน์ดูตั้งแต่จุดเริ่มต้น ปกติแล้วฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ที่ว่านี้ จะเริ่มเปิดตัวประมาณเดือนตุลาคม แต่ในปีที่แล้ว (2019) กลับพบผู้ติดเชื้อรายแรกๆ ในรัฐลุยเซียนาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ที่มีผู้ป่วยกว่า 1,200 ราย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเมืองนิวออร์ลีนส์ และผู้ป่วยจำนวนนั้นก็ถูกพบว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ทั้งๆ ที่ตามรูปแบบการระบาดของทุกปี ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A จะเป็นฝ่ายเปิดตัวก่อนเพื่อเล่นงานผู้คนในเดือนแรกๆ แล้วสายพันธุ์ B จึงจะตามมารับไม้ต่อ สานต่อการแพร่ระบาดไปจนจบฤดูกาล

นอกจากการเปิดตัวเร็วกว่าปกติจะทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เพราะยังไม่ค่อยมีใครฉีดวัคซีนป้องกันก่อนถึงฤดูกาลแล้ว ช่วงวัยของประชากรที่ติดเชื้อจนเสียชีวิตในช่วงแรกยังกลับกลายเป็นเด็กตัวน้อยๆ ต่างจากปีก่อนๆ ที่ไวรัสจะส่งผลกระทบกับผู้สูงอายุมากกว่า เพราะไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B จะเป็นอันตรายกับเด็กและวัยหนุ่มสาว เนื่องจากทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน

อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ที่อเมริกาเข้าสู่การระบาดระลอกที่สอง เชื้อสายพันธุ์ A ที่ปกติจะมีความรุนแรงและทำให้มีผู้เสียชีวิตมาก กลับปรากฏตัวในรูปแบบที่เบากว่าฤดูกาลที่ผ่านๆ มา และจากรายงานของสำนักข่าว Bloomberg พบว่าวัคซีนตัวล่าสุดสามารถป้องกันเชื้อชนิดนี้ได้เต็มประสิทธิภาพ คือ 60 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร ซึ่งหมายถึง 3 ใน 5 ของคนที่ฉีดวัคซีนจะไม่ติดเชื้อนี้

โชคไม่ดีนักที่จำนวนผู้ฉีดวัคซีนในอเมริกายังมีจำนวนไม่มากเท่าที่ควร ตัวอย่างเช่นในฤดูกาลที่แล้ว (ปี 2018-2019) มีประชากรวัยผู้ใหญ่เพียง 45 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เข้ารับการฉีดวัคซีน สารหลักจากผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักที่ว่อนอยู่ตามสื่อตอนนี้จึงเป็นความพยายามในการออกมาบอกให้ชาวอเมริกันไปฉีดวัคซีนเสีย เพราะถึงแม้ว่าผู้คนในประเทศจะคุ้นเคยกับฤดูกาลไข้หวัดใหญ่เป็นอย่างดี แต่ความคุ้นเคยนั้นก็ทำให้บางคนมองมันเป็นแค่เรื่องปกติได้เหมือนกัน

 

อ้างอิง