“ร้อยแก่นสารสินธ์” รุกผนึกกำลังเครือข่ายความร่วมมือภาครัฐและภาคประชาชน เขตสุขภาพที่ 7 ต้านภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพโฆษณาเกินจริง

อย.จับมือ กสทช. สมาคมผู้บริโภคจังหวัดร้อยเอ็ด สมาคมผู้บริโภคจังหวัดขอนแก่น และสมาคมสื่อมวลชน ประกาศนโยบายการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฏหมาย หลอกลวงผู้บริโภคเชิงรุก ในปี 2560 ณ โรงแรมกรีน จ.ขอนแก่น ในวันที่ 1 มิถุนายน 2560 โดยสร้างความร่วมมือในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการเผยแพร่ข้อความผิดกฏหมาย โอ้อวดเกินจริงทางสื่อวิทยุกระจายเสียง และนำไปปฏิบัติพร้อมกันทั้งเขต

เครือข่ายร้อยแก่นสารสินธุ์ต้านภัยโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฏหมาย
ภก. วิรัตน์ ศรีชาติ นักวิชาการอาหารและยาชำนาญการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประธานเครือข่ายร้อยแก่นสารสินธุ์ต้านภัยโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฏหมาย

สมาคมผู้บริโภคจังหวัดร้อยเอ็ด

ภก. วิรัตน์ ศรีชาติ นักวิชาการอาหารและยาชำนาญการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมทั้ง นายประเวศ จันทร์ฉาย รักษาการผู้บริการกสทช. เขต 6 (ขก) ประธานการสัมมนาเครือข่ายเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายเขตสุขภาพที่ 7 ร้อยแก่นสารสินธุ์ปี 2560 กล่าวว่า “หน่วยงานภาครัฐในแต่ละจังหวัดได้ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาโฆษณาที่ผิดกฎหมายมาอย่างต่อเนื่องทั้งการจัดอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจ ขอความร่วมมือจนถึงการดำเนินคดีกับสื่อวิทยุแต่ปัญหาการโฆษณาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย” แต่ทว่าปัญหายังไม่หมดไป

ดังนั้นในปี 2560 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาโฆษณาที่ไม่ถูก ต้องตามกฎหมาย สสจ.ในเขตสุขภาพที่ 7 ร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กสทช.ภาค 2 ขอนแก่น, เครือข่ายเภสัชกรโรงพยาบาล, สมาคมผู้บริโภคและแกนนำอาสาสมัครสาธารณสุขคุ้มครองผู้บริโภคทั้ง 4 จังหวัดจึงได้จัดทำโครงการพัฒนาระบบแก้ไขปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายเขตสุขภาพที่ 7 ร้อยแก่นสารสินธุ์ขึ้น

โคงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ในการจัดการแก้ไขปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายในเขตสุขภาพที่ 7 ที่เป็นรูปธรรมและมีความต่อเนื่อง รวมถึงเพื่อให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินการแก้ไขปัญหาโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายร่วมกันในภาพเขตกิจกรรม

ทั้งนี้ เครือข่ายเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาโฆษณาที่ผิดกฎหมายทั้งภาครัฐและเอกชนได้มาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานหาแนวทางการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาโฆษณาในแต่ละพื้นที่ร่วมกันและเกิดเป็นแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหา โฆษณาที่เป็นในทิศทางเดียวกันทั้ง เขต 7

ท้ายสุด ภก. วิรัตน์ ศรีชาติ ฝากไว้ว่า ” ทุกภาคส่วนต้องหาวิธีการให้ผู้บริโภคเปลี่ยนความคิดตั้งรับอย่างเดียวไม่ได้ โดยในปี 2560 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะนำ รูปแบบการดำเนินงานของเครือข่ายต้านภัยโฆษณาผิดกฏหมายร้อยแก่นสารสินธุ์ เผยแพร่ทุกจังหวัด ทั้ง 12 เขตจะได้ทำเหมือนกัน เพื่อพัฒนาและ ควบคุมผลิตภัณฑ์ต่างๆให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคให้มากที่สุด ”

รายงานโดย
ภญ.ชัญญรัชต์ นกศักดา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น

นางอาภรณ์ อะทาโส สมาคมผู้บริโภคจังหวัดร้อยเอ็ด

สงขลา รวมพลังเภสัชกรร้านยา ส่งเสริมประชาชนใช้ยาสมเหตุผล ลดการใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ

วันที่ 11 มิถุนายน 2560 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ชมรมเภสัชกรชุมชน จังหวัดสงขลา และชมรมร้านยาจังหวัดสงขลา แถลงข่าว โครงการใช้ยาสมเหตุผลในร้านยา (RDU Pharmacy) ณ โรงแรมศรีภู อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา


โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมเป็น เภสัชกรที่ปฏิบัติงานในร้านยา 120 คน เป้าหมายของความร่วมมือ เพื่อให้ประชาชนรับทราบและตระหนักในการใช้ยาอย่างสมเหตุผล เพื่อรณรงค์เพื่อให้ความรู้ร้านยา และ เชิญชวนร้านยาในจังหวัดสงขลา เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใข้ยาที่เหมาะสม มีการสนับสนุนอุปกรณ์จำเป็น เช่น ชุดส่องดูคอ การใช้ฉลากเสริม เพื่อให้ร้านยาได้ใช้ในการให้ข้อมูลประชาชน และจ่ายยาปฏิชีวนะ (antibiotic) อย่างสมเหตุผล โดยก่อนหน้านี้ ได้มีการทำบันทึกความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงานดังกล่าว ที่จะร่วมมือกัน ส่งเสริมการใช้ยาที่เหมาะสม (Rational Drug Use) ในร้านยา


ทั้งนี้ ผู้ร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย
1.นายแพทย์อนุรักษ์ สารภาพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา
2.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรหญิงณัฐาศิริ ฐานะวุฑฒ์
ประธานโครงการร้านยาส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
3.เภสัชกรสมพงษ์ อภิรมย์รักษ์ ประธานชมรมเภสัชกรชุมชนจังหวัดสงขลา
4.คุณปรีชา สิงห์กัญญา ประธานชมรมร้านขายยาจังหวัดสงขลา

รายงานโดย
ภญ. วิไลวรรณ สาครินทร์
หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา

เภสัชกร รพ ขุขันธ์ ชี้ อสม แนะนำประชาชน ใช้หน้าต่างเตือนภัย ตรวจสอบ ยา-อาหารเสริม ทึ่มีเสตียรอยด์ ได้ผลคุ้มค่า เลิกกินถึง 7 ใน 10 คน

เภสัชกรเด่นชัย ดอกพอง กลุ่มงานเภสัชกรรมชุมชน รพ ขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า วิธีการให้ อสม.ไปสอบถามการใช้ผลิตภัณฑ์ของประชาชนและนำผลิตภัณฑ์ตรวจสอบกับระบบ หน้าต่างเตือนภัย ( Single window ) เป็นวิธีให้ความรู้แก่ประชาชนที่ใช้ทราบว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่นั้นไม่ปลอดภัย จากการตรวจสอบจากระบบ Single window ทำให้ประชาชนปลอดภัยจากการเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ ถึง ร้อยละ 70.73 ( 29 จาก 41คน) เป็นวิธีการที่คุ้มค่า ค่าใช้จ่ายต่ำ ได้ผลลัพธ์ที่ดี ใช้เครื่องมือง่ายๆ และอยู่ในวิถีชีวิตประจำวัน สำหรับประชาชน ร้อยละ 29.27 ยังเลิกไม่ได้เนื่องจากติดยา ทนอาการปวดไม่ได้ ต้องหาสาเหตุเชิงลึกเพื่อช่วยหาวิธีการอื่นๆเพิ่มเติม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาควรทำให้ระบบแจ้งเตือนภัยเป็นระบบเดียวเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ปัจจุบันประชาชนมีเครื่องมือเข้าถึงอินเตอร์เนตมากขึ้น ภาครัฐควรสื่อสารให้ประชาชนรับรู้ และเข้าถึงเวบไซต์ www.tumdee.org/alert เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ข้อมูลมาดูแลตนเองและชุมชน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการพึ่งตนเอง และประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ในสังคมไทย

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้ ได้แก่ ยากษัยเส้นตราหมอโอภาส (มีไพรอกซิแคม) รองลงมา คือ ยากษัย ตราเทพธิดา (มีเดกซ่าเมทาโซน) ส่วนปัจจัยตัดสินใจเลิกใช้ยาน้ำแผนโบราณไม่ปลอดภัย ได้แก่ การได้รับความรู้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นไม่ปลอดภัย และไม่ติดยา

ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์อุบลราชธานี ได้มาอบรม อสม.นักวิทย์ชุมชน ที่ อำเภอขุขันธ์ หลังจากนั้น เภสัชกรโรงพยาบาลขุขันธ์ ได้ขยายผลโดยลงพื้นที่จัดอบรมในระดับตำบล ให้ อสม.ตำบลโคกเพชร ครับ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 เวลา 09.00 – 12.00 น. ณ ห้องประชุม รพ.สต.โคกเพชร

รายละเอียดและผลการวิจัย ติดต่อได้ที่ เภสัชกรเด่นชัย ดอกพอง กลุ่มงานเภสัชกรรมชุมชน รพ ขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เบอร์โทรศัพท์ ๐๒ ๒๑๘๘๔๔๕, ๐๘๙ ๔๒๗๑๗๕๓ E-mail: ddenchai@gmail.com

การวิจัยชิ้นนี้สนับสนุนโดย แผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้แก่นักศึกษาวิทยาลัยการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพแห่งประเทศไทย (วคบท)

จาก 2 เพิ่มอีก 18 อสม.นักวิทย์ชุมชน ดอกคำใต้ สร้างเครือข่ายสำรวจ ตรวจ ยาอาหารในชุมชน

ทีม อสม.รพ.สต.ขุนลาน อ.ดอกคำใต้เข้มแข็ง ช่วยสอน อสม.ในพื้นที่ ตรวจสเตียรอยด์ในยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร นำความรู้มาต่อยอดเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในชุมชน

วันที่ 9 มิถุนายน 2560 ทีม อสม 2 คน ที่ได้รับการไปฝึกอบรม อสม นักวิทย์ชุมชน เพื่อขับเคลื่อนการ คุ้มครองผู้บริโภค ในการอบรมของสสจ ศูนย์วิทย์ และ คคส ที่จังหวัดพะเยา ที่โรงแรม เกทเวย์ เมื่อวันที่ 5 พค 2560 ได้มาขยายการอบรม อสม ต่ออีกหมู่บ้านละ 2 คน จนได้ทีม 18 คน แล้วไปสำรวจครัวเรือน ได้พบยาที่น่าสงสัย นำมาตรวจเพื่อให้ อสม.ทั้งหมดรับทราบปัญหาผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ต่อไป

ถือได้ว่าเป็นการขยายผลต่อเนื่องอย่างรวดเร็วซึ่งจะทำให้ชุมชนได้รับการปกป้องจากผลิตภัณฑ์สุขภาพอันตรายอย่างยั่งยืน

รายงานโดย ภญ รุจิรา ปัญญา กลุ่มงานเภสัชกรรม รพ ดอกคำใต้ จ พะเยา

เภสัชกร รพ สันทราย เตือนภัยน้ำผึ้งปลอม ดำเนินการจับผู้ผลิตเถื่อน

จากข่าวน้ำผึ้งปลอมในหน้า นสพ ภก.วีระรัตน์ อภิรัตนเสวี รพ.สันทราย
อ สันทราย จังหวัดเชียงใหม่ และ
ภก. พิสนฑ์ ศรีบัณฑิต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันเล่าเรื่อง น้ำผึ้งปลอม ที่ อ. สันทราย
ตามลำดับขั้นตอนดังนี้

1) รับแจ้งเตือนภัย
วันจันทร์ที่ 22 พค. 60 เภสัชกร รพ สันทราย ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ สสอ.สันทราย ให้เข้าร่วมตรวจสอบโรงงานน้ำผึ้งปลอมตั้งอยู่เลขที่ 119 หมู่ที่ 8 ตำบลหนองแหย่งอำเภอสันทรายร่วมกับจนท.ตำรวจจาก สภ.สันทราย โดยประชาชนในพื้นที่แจ้งเบาะแสให้ตำรวจว่ามีการลักลอบผลิตน้ำผึ้งในชุมชน

2) ตรวจสถานทึ่หาข้อเท็จจริง
ต่อมาวันที่ 23 พฤษภาคม 60 ได้เข้าตรวจสถานที่ดังกล่าว ร่วมกับตำรวจ ทหาร ผลการตรวจสอบเป็นดังนี้

1. ลักษณะสถานที่ผลิตเป็นห้องแถวให้เช่า 2 คูหาขนาดประมาณ 4 * 10 เมตรจำนวน 2 คูหาซึ่งใช้เป็นที่พักอาศัย แบบกึ่งชั่วคราว มีอุปกรณ์การผลิต และเต็นท์พักอาศัย อยู่ในห้องเช่า 4 หลัง เครื่อง ของใช้มีไม่มากพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายได้ทันที
2. มีการผลิตน้ำผึ้งปลอมโดยมีคนงานผู้ผลิต 7 คน ทั้งหมดเป็นคนมาจากภาคอีสาน (จังหวัดอุดรธานี)
3. สภาพโรงงานไม่ถูกสุขลักษณะ ไม่สะอาด (ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามเกณฑ์ GMP ในทุกทุกหมวด)
4. พบวัตถุดิบที่บ่งชี้ว่า มีเจตนาผลิตน้ำผึ้งปลอม โดยทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ อาทิเช่นพบน้ำตาลทรายเป็นกระสอบ พบแบะแซเป็นถัง พบรังผึ้งแห้งเพื่อลวงให้เข้าใจว่ามาจากรวงผึ้ง และ พบตัวผึ้งที่ผ่านการนึ่งให้สุก เพื่อเอาไว้ใส่ในขวดน้ำผึ้งปลอม พบขวดวัตถุแต่งกลิ่นน้ำผึ้งสังเคราะห์ เตาอั้งโล่ ปี๊ป ที่ใช้ต้มเคี่ยว ไม้พายที่ทำจาก ลำไม้ไผ่เป็นต้น
โดยเมื่อ ผลิตเป็นน้ำผึ้งเสร็จแล้ว จะบรรจุในขวดสุราที่นำมากลับมาใช้ใหม่ขนาด 750 cc และไม่มีฉลากของผลิตภัณฑ์น้ำผึ้ง ทำแพคเกจดูเหมือนกับเป็นน้ำผึ้งป่าที่ชาวบ้านไปตีผึ้งเอง

3) ดำเนินการจับกุม
เวลา 09.00น วันที่ 24 พ.ค.60
ชป.รส.พัน.พัฒนา 3 อ.สันทราย ร่วมกับ สภ.สันทราย ฝ่ายปกครอง สาธารณสุขจังหวัด ตรวจค้นแหล่งผลิตน้ำผึงปลอม ม.8 ต.หนองแหย่ง อ.สันทราย เชียงใหม่. ได้ตรวจยึดเพื่อตรวจสอบต่อไป

โดย พนักงานสอบสวนสภ. สันทรายแจ้งข้อหา กระทำผิดมาตรา 6 ( 10 ) ตาม พรบ.อาหาร ไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเรื่อง อาหารไม่แสดงฉลาก โทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และตำรวจกำลังอยู่ระหว่างแจ้งข้อหาเพิ่มเรื่องสินค้าปลอม

4) แจ้งเตือนภัย
จึงขอแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกท่านเฝ้าระวังการทำน้ำผึ้งปลอมลักษณะนี้ ในเขตพื้นที่ของท่าน เพราะดูแล้วมีความชำนาญในการปลอม และสามารถการโยกย้ายถิ่นฐานหรือแหล่งผลิตได้อย่างรวดเร็ว

5) ให้ข้อแนะนำ
ฝากช่วยแนะนำชาวบ้านในการเลือกซื้อน้ำผึ้งที่เร่ขาย ที่อ้างว่าเป็นน้ำผึ้งป่าแท้ อาจเป็นน้ำผึ้งปลอมได้ หากสงสัยหรือไม่มั่นใจในแหล่งผลิตหรือผู้ขาย ไม่ควรซื้อมารับประทาน และมีเบาะแสในพื้นที่ว่ามีการเช่าบ้าน แล้วเร่ขายน้ำผึ้งป่าลักษณะนี้ ขอให้แจ้งหน่วยงานสาธารณสุขให้ตรวจสอบต่อไป

รพ.สต.สบบง ขยายเครือข่าย อสม.นักวิทย์ชุมชน เฝ้าระวังสินค้าชายแดนที่ไม่ปลอดภัย

วันที่ 7 มิ.ย.2560 นายสงกรานต์ สมนาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา เผยว่า รพ.สต.สบบง ได้อบรมให้ความรู้ด้านอันตรายจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัย การตรวจสอบข้อมูล และการทดสอบด้วยชุดทดสอบ ให้แก่ อสม.จำนวน 36 คน ครอบคลุม 13 หมู่บ้าน ซึ่งเป็นการขยายผลสร้าง อสม.นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน เพื่อร่วมเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัย

รพ.สต.สบบง เป็นหน่วยงานนำร่องด้านคุ้มครองผู้บริโภคของจังหวัดพะเยา ที่เฝ้าระวังสินค้าไม่ปลอดภัย โดยร่วมเป็นเครือข่ายทำงานร่วมกันกับศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดพะเยา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา และปี 2559 พบปัญหายาประดงไม่ปลอดภัยจากสารเสตียรอยด์

ผอ.รพ.สต.สบบง คาดว่า อสม.นักวิทย์ชุมชนที่ขยายผลนี้ จะช่วยให้การเฝ้าระวังป้องกันอาหาร ยาและสมุนไพรที่น่าสงสัยความปลอดภัยจากบริเวณชายแดนไทย-ลาว และรถเร่ขาย ได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น

รายงานโดย รพ สต
สบบง พะเยา และ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์
เขต 1/1 เชียงราย

เชียงใหม่ พัฒนา อสม นักวิทย์ เป็น “คนล๊วก” คุ้มครองผู้บริโภคปกป้องชุมชนจากสินค้าไม่ปลอดภัย

วันที่ 8 มิถุนายน 2560 ที่โรงแรมดวงตะวันเชียงใหม่ มีการจัดประชุมขับเคลื่อนเครือข่าย อสม นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค โดยมี เภสัชกร
อิสรา นานาวิชิต หัวหน้ากลุ่มงานของผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข ในฐานะผู้แทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเปิดงาน และ เภสัชกร พิสณฑ์ ศรีบัณฑิต เภสัชกรชำนาญการ สสจ เชียงใหม่ กล่าวรายงาน โดย มีการอบรมในวันที่ 8 และ 9 มิถุนายน รวมประมาณ 300 คน เภสัชกร อิสรา ได้กล่าวถึงนโยบายกระทรวงสาธารณสุขที่จะสร้าง Smart Citizen. Smart Community และ Smart Government คือ พลเมือง ชุมชน และ รัฐบาล ที่เข้มแข็ง ในภาษาเหนือเรียกได้ว่า สร้าง “คนล๊วก” ที่มีความรู้มาคุ้มครองผู้บริโภคในชุมชน ใช้มาตรการสังคมปกป้องชุมชน และ มีข้อมูลจากรัฐ เช่น หน้าต่างเตือนภัย สนับสนุนข้อมูลให้ อสม และ เจ้าหน้าที่ รพสต ใช้สื่อสารกับประชาชนเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัย

ในการอบรมนี้ได้มีการอภิปรายประสบการณ์การทำงานแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพอันตรายในชุมชนโดย เภสัชกรหญิงอรพินท์ พุ่มภัทรชาต เภสัชกรชำนาญการโรงพยาบาลสันกำแพง ที่ได้กล่าวถึงบทบาทของเภสัชกรในการแก้ไขปัญหาการกระจายของยาสมุนไพรผสมสารสเตียรอยด์โดยได้ติดตามถึงแหล่งผลิตในจังหวัดที่ส่งมา ยาเหล่านี้มักจะมีทะเบียนปลอมแต่มีรูปลักษณ์ของกล่องบรรจุที่สวยงามเมื่อนำมาตรวจก็จะพบสารสเตียรอยด์ จึงได้ร่วมกับชุมชนเฝ้าระวังและติดตามแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติป่าซางนำเสนอโดยนายสันติพงษ์ กันทะวารี นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ และ อสม นักวิทย์ นางนภาพร กุลอ่อน ประธานชมรม อสม อำเภอป่าซาง ที่ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา มาโดยตลอดโดยพบว่ายิ่งทำคนขายยิ่งมีการพัฒนา จึงจำเป็นต้องร่วมมือกันให้ข้อมูลแก่ชุมชน หากตรวจพบสารสเตียรอยด์ก็จะบอกกับประชาชนในหมู่บ้าน ทั้งนี้ที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติป่าซางได้มีจัดตั้งห้องปฏิบัติการเพื่อเก็บตัวอย่างมาตรวจโดย อสม นักวิทย์ชุมชนสามารถตรวจได้ ถ้าเจอก็จะส่งยืนยันที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ต่อไปก่อนที่จะประกาศให้ชุมชนรับทราบและมีการนำลงข้อมูลในหน้าต่าง เตือนภัย

การอบรมนี้จัดโดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เขต 1 เชียงใหม่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกัน ขับเคลื่อนเครือข่าย อสม นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคให้ อสม สามารถ ใช้ชุดทดสอบสารสเตียรอยด์ในยาและทดสอบสารปนเปื้อนในเครื่องสำอางรวมถึงการใช้ข้อมูลในหน้าต่างเตือนภัยโดย การอบรม อสม ในพื้นที่ทีเชียงใหม่ในวันนี้ ต่อจากการอบรม อสม นักวิทย์ชุมชน ที่จังหวัด ลำพูน แม่ฮ่องสอน และลำปาง

เอาจริง! เครือข่าย อสม นักวิทย์ฯพิษณุโลกให้รถเร่ขายยาต้องขออนุญาต เฝ้าระวังสารปนเปื้อนอาหารในตลาด ปลอดภัยให้ธงเขียว

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดอบรมโครงการขับเคลื่อนเครือข่ายวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดพิษณุโลก โดย ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เขต 2 พิษณุโลก ในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ณโรงแรมท็อปแลนด์ จังหวัดพิษณุโลก

ในการอบรมนี้ มีการกล่าวรายงานโดย นายณัฐพัชร์ รัตนเดชานาคินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ 2 พิษณุโลก และ กล่าวเปิดโดย นายแพทย์ไกรสุข เพชระบูรณิน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด

นายแพทย์ไกรสุข ได้กล่าวย้ำให้เห็นความสำคัญของบทบาทของ อสม ที่มีความใกล้ชิดกับชุมชน เป็นกำลังสำคัญในการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคและคุ้มครองผู้บริโภค ทักษะการใช้ชุดทดสอบที่จะมีการอบรมจะทำให้ อสมมีศักยภาพในการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัยซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัวและชุมชน ในการอบรมนี้ มีผู้เข้าอบรม 299 คน ประกอบด้วย จนท รพสต แห่งละ 1คน และ อสม แห่งละ 2 คน จาก 9 อำเภอ มีทีมวิทยากรและผู้จัดการอบรมอีกรวม 30 คน

ในการนำเสนอผลการดำเนินงานในชุมชน นางสาวอรทัย ชมสวน เจ้าพนักงานสาธารณสุข สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติบ้านนากลาง และ อสม สุพรรษา ธนูสาร ได้นำเสนอการทำงานของเครือข่ายอาสาสมัครในวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนที่มีความเข้มแข็ง

หลังจากที่ได้ผ่านการอบรมแล้วได้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่โดยใช้”มาตรการทางสังคม” ปกป้องชุมชนจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัยโดยการเฝ้าระวังรถที่มาเร่ขายยาในหมู่บ้านจะต้องมาขอนุญาตจากผู้ใหญ่บ้าน อสม มีการเฝ้าระวังความปลอดภัยอาหารในตลาดโดยการตรวจด้วยชุดทดสอบ หากตรวจแล้วไม่พบสารปนเปื้อนสามครั้งจะมีการมอบ”ธงเขียว”ให้กับร้านจำหน่ายอาหาร

นอกจากนี้ ได้มีการจัดตั้งศูนย์เตือนภัยเพื่อแจ้งอันตรายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ ในปีนี้ได้ขยายงานต่อไปในโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพอีกสองตำบล ผลงานที่ดำเนินการได้รับการคัดเลือกให้เป็นผลงานดีเด่นด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในระดับเขต

การอบรมนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เขต 2 พิษณุโลก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก และศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกัน ขับเคลื่อนเครือข่าย อสม นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคให้ อสม สามารถ ใช้ชุดทดสอบสารสเตียรอยด์ในยาและทดสอบสารปนเปื้อนในเครื่องสำอางรวมถึงการใช้ข้อมูลในหน้าต่างเตือนภัยโดย การอบรม อสม เต็มพื้นที่ที่พิษณุโลกในวันนี้ ต่อจากการอบรม อสม นักวิทย์ชุมชน เต็มพื้นที่ ที่จังหวัดอุตรดิตถ์

พาดหัวข่าวต้อง”ฟู”เนื้อหาต้อง”ฟิต” กำเนิดเครือข่ายนักเตือนภัยสุขภาพ

วันที่ 6 มิถุนายน พศ 2560 ที่ผ่านมา ที่โรงแรมอมารีแอร์พอร์ต ดอนเมืองศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส) จัดอบรมนักสื่อสารสุขภาพเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคโดยมีผู้เข้าอบรม 80 คนจาก 28 จังหวัดเพื่อสร้างเครือข่ายนักคุ้มครองผู้บริโภคเตือนภัยสุขภาพ ในแต่ละภูมิภาค

เครือข่ายต่างๆประกอบด้วยเครือข่ายศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เครือข่ายนักวิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (นคบส) เครือข่ายนักจัดการเพื่อผู้บริโภค (นจพบ) เครือข่ายไร้แร่ใยหินภาคเหนือ เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคคุณภาพ เครือข่ายคณาจารย์เภสัชศาสตร์คุ้มครองผู้บริโภค และทีมงาน คคส. โดย ถือได้ว่าเป็นการ
กำเนิดเครือข่ายนักคุ้มครองผู้บริโภคเตือนภัยสุขภาพ (นคส) ที่กระจายใน ภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ

การอบรมนี้มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว อาจารย์นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ อดีตกองบรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์เนชั่น และอาจารย์ พิเศษ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เป็นผู้บรรยายให้ความรู้แก่ ผู้เข้ารับการอบรม

วิทยากรได้ชี้ให้เห็นถึงวิธีการเขียนข่าวที่ต้องทำให้เกิดความสนใจ ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายยึดหลัก 5W1H หัวข่าวต้องน่าสนใจ (ฟู) และ เนื้อหาต้องกระชับ (ฟิต) การเขียนข่าวต้องไม่จำเจซ้ำซาก (cliche) น่าเบื่อเนื้อหาต้องทันสมัย ทันเวลา ทันเหตุการณ์ ไม่เยิ่นเย้อ ใช้ภาษาได้ถูกต้อง มีความใหม่ฉีกแนว ไม่ธรรมดาทำให้ผู้อ่านสนใจและอยากอ่าน

ทั้งนี้ได้มีการให้ผู้เข้าอบรมฝึกปฏิบัติการเขียนข่าวที่ได้ให้เตรียมมา และทดลองส่งเข้าระบบรับข่าวของฐานข้อมูลเว็บไซต์ คคส (www.thaihealthconsumer.org)
โดยเนื้อข่าวที่ส่งมา สามารถเลือกประเภท ได้แก่ ข่าวแจ้งเตือนภัย ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวกิจกรรม และสาระน่ารู้ รวมทั้งการใส่รูปภาพประกอบการเขียนข่าว การเขียนข่าวแต่ละย่อหน้าไม่ควรเกินห้าบรรทัด

ในการอบรมครั้งนี้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับความรู้ ทักษะการปฏิบัติ และเห็นความสำคัญที่จะนำเหตุการณ์หรือกรณีที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่มาเป็นเนื้อหาในการเขียนข่าวสื่อสาร

สำหรับข่าวที่ผู้เข้ารับการอบรมได้เขียนขึ้น ได้ส่งให้วิทยากรได้ทบทวนตรวจทานให้เหมาะสมถูกต้อง ก่อนที่จะพิจารณานำลงในเว็บไซต์ คคส ต่อไป

 

ไฟล์การนำเสนอ Download

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อบรม อสม นักวิทย์ชุมชนคุ้มครองผู้บริโภค ใช้ Kahoot ในสมาร์ทโฟนประเมินความรู้ หนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพิ่มประสิทธิภาพงาน

การอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนที่กำลังดำเนินการอยู่ ในเดือน พค และ มิย 2560 นี้ โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผ่านทางศูนย์วิทยาศาสตร์การ เขตต่างๆทั่วประเทศ สำนักงานสาธารณสุขสุขจังหวัดกว่า 20 จังหวัดร่วมกับ ศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส) คณะเภสัชศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือสสส. ในการนี้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์หลายเขตเช่น ศูนย์วิทย์ เขต1 เชียงใหม่ และศูนย์วิทย์ เขต 1/1 เชียงราย และ ศูนย์วิทย์ฯเขต 9 นครราชสีมา ได้นำโปรแกรม Kahoot มาใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ ทั้งก่อนและหลังการอบรม โดยมีข้อคำถาม 15 ข้อเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจ เรื่องหน้าต่างเตือนภัย การใช้ชุดทดสอบสารสเตียรอยด์ การใช้ชุดทดสอบปรอท ไฮโดรควิโนน และกรดวิตามินเอที่ผสมมาในเครื่องสำอางอย่างไม่ถูกต้อง พิษภัยของสารสเตียรอยด์ที่ปนมาในยาสมุนไพร สารปรอท ไฮโรควิโนนและกรดวิตามินเอที่ปนเปื้อน มาในเครื่องสำอาง บทบาทของ อสม ในการทำงานคุ้มครองผู้บริโภคโดยใช้ความรู้และเทคโนโลยีจากวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ทำให้การประเมินผลการเรียนรู้ก่อนและหลังการอบรมทั้งรายบุคคลและในภาพรวม ทำได้รวดเร็ว ผู้จัดกระชุม สามารถให้ อสม ตอบคำถามไปพร้อมกัน และสามารถเฉลยคำตอบและให้ความรู้ได้ตามข้อคำถาม นำไปสู่ สิ่งที่ต้องเรียนรู้ในการปฏิบัติ ทำให้ อสม สามารถปรับปรุงตนเองในการทดสอบหลังการอบรม

การอบรมโดยทั่วไปมักจะขาดการประเมินผลการอบรม เพื่อทราบว่า ผู้เรียนได้รับความรู้ก่อนและหลังการอบรมมากน้อยเพียงใด หลักการที่เรียกว่า OLE หรือ Objective (วัตถุประสงค์) Learning (การเรียนรู้) และ Evaluation (การประเมินผล) จึงไม่ครบถ้วน โปรแกรม Kahoot ออกแบบให้สามารถตอบคำถามเพื่อการประเมินผลภายหลังการอบรม

การใช้โปรแกรม Kahoot สามารถให้ อสม ตอบคำถามผ่านในโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และเปิดเข้าสู่โปรแกรมออนไลน์โดยมีการให้รหัสไปเพื่อให้ทุกคนเข้าไปในโปรแกรมซึ่งสามารถทำได้ในเวลาไม่นานนัก

การดำเนินการในหลายจังหวัดพบว่าอาสาสมัครสาธารณสุขนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนสามารถดำเนินการได้ถึง 8 ใน 10 คน ส่วนคนที่ใช้โปรแกรมไม่ได้ หรือไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ก็สามารถให้ทำแบบทดสอบในกระดาษได้ อย่างไรก็ตามพบว่ายังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับ Wifi (ไวฟาย) ที่หลายพื้นที่ยังไม่มีคลื่นที่แรงพอสำหรับผู้เข้าประชุม โดยเฉพาะในการประชุมที่มีจำนวนผู้เข้ารับการอบรมเป็นจำนวนมาก หรือในพื้นที่ปิด

ดังนั้นหากผู้จัดอบรมจะเตรียมการใช้วิธีประเมินผลจากสมาร์ทโฟนโดยให้เข้าสู่ระบบออนไลน์จำเป็นต้องสำรวจห้องประชุมและเตรียมการให้พร้อมเกี่ยวกับ Wifi (ไวฟาย) ที่จะรองรับการดำเนินการออนไลน์ ก่อนที่จะใช้โปรแกรม Kahoot ในการอบรม ผู้ที่สนใจการใช้โปรแกรม Kahoot สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจาก อินเตอร์เน็ต โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ในการอบรมที่ใช้โปรแกรม Kahoot ได้นั้นต้องขอขอบคุณศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เขตต่างๆที่ริเริ่มมีการพัฒนาการประเมินผลโดยการนำโปรแกรมนี้มาใช้ ถือได้ว่า การดำเนินการนี้เป็นการตอบสนองนโยบายที่ให้นำเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้ในการดำเนินงาน หรือนโยบายไทยแลนด์ 4.0

รายงานโดยศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพคณะเภสัชศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย