สภาเภสัชกรรม ร่วมกับ ศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) จุฬาฯ-สสส. ได้จัดทำโครงการจัดการความรู้เกี่ยวกับกัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชา-กัญชง เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 6 เรื่อง ได้แก่ (1) กัญชากับการควบคุมตามกฎหมาย (2) ความรู้พื้นฐานทางพฤกษศาสตร์ที่เกี่ยวกับพืชกัญชา (3) ข้อมูลที่จำเป็นในการวางระบบกำกับดูแลกัญชาและกัญชง (4) การจัดการความรู้ยากัญชาสำหรับเภสัชกร (5) การใช้กัญชา-กัญชง เป็นอาหาร และ (6) การใช้กัญชา-กัญชง เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง โดยได้เรียนเชิญนักวิชาการจากคณะเภสัชศาสตร์และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ทำการจัดการความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับกัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชา-กัญชงในประเด็นต่างๆและจัดเวทีแลกเปลี่ยนทางวิชาการระหว่างผู้เขียน บรรณาธิการ และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อปรับปรุงเอกสารวิชาการจัดการความรู้และจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายที่เกี่ยวข้อง
หวังว่า หนังสือทั้ง 6 เล่มนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเภสัชกรและผู้ที่สนใจ
รศ. ดร. ภญ. จิราพร ลิ้มปานานนท์
นายกสภาเภสัชกรรม
รศ. ดร. ภญ.วรรณา ศรีวิริยานุภาพ
ผู้จัดการศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.)
15 พฤศจิกายน 2564
ดาวน์โหลดหนังสือ
(1) กัญชากับการควบคุมตามกฎหมาย
(2) ความรู้พื้นฐานทางพฤกษศาสตร์ที่เกี่ยวกับพืชกัญชา
(3) ข้อมูลที่จำเป็นในการวางระบบกำกับดูแลกัญชาและกัญชง
(4) การจัดการความรู้ยากัญชาสำหรับเภสัชกร
(5) การใช้กัญชา-กัญชง เป็นอาหาร
(6) การใช้กัญชา-กัญชง เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง



ศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) ร่วมกับ วิทยาลัยการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพแห่งประเทศไทย (วคบท.) จัดประชุมวิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพด้านสุขภาพ ในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๔ ทางระบบ webinar ออนไลน์ โดยมีผู้ร่วมประกอบด้วยเภสัชกรผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาล จำนวน ๑๓๕ คน โดยมีเนื้อหาในการประชุมคือ (๑) อภิปรายหัวข้อ “ข้อตกลงระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่อผู้บริโภค : CPTPP และ ASEAN Harmonization” (๒) บรรยายหัวข้อ “อัพเดตกฎหมายลูกของผลิตภัณฑ์สมุนไพรกับการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม” (๓) อภิปรายหัวข้อ “บทบาทวิชาชีพเภสัชกรรมในยุค Covid Disruptions” (๔) อภิปรายหัวข้อ “ความก้าวหน้าและสิทธิอันชอบธรรมของวิชาชีพเภสัชกรรมในระบบราชการ” และ (๕) อภิปรายทั่วไป ภาพฝันวิชาชีพเภสัชกรรมในทศวรรษ


เอกสารประกอบการประชุม
ประกาศแผนงานวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ
ที่ ๓/๒๕๖๔
การรับสมัครองค์กรผู้บริโภค
เพื่อรับการประเมินต่ออายุองค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นพื้นฐาน และขั้นสูงประจำปี ๒๕๖๐
และ เพื่อรับการประเมินเป็นองค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นพื้นฐาน และขั้นสูงประจำปี ๒๕๖๔
ตามที่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยแผนควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับทิศด้านการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพและพัฒนาระบบยา เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของแผนงานและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพและการพัฒนาระบบยา เพื่อจัดการความรู้ และสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ในการพัฒนากลไกและผลักดันนโยบาย ยุทธศาสตร์ มาตรการที่มีประสิทธิผลในการควบคุมสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ รวมทั้งการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพทั้งในภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพและการพัฒนาระบบยาของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้การดำเนินงานประเมินองค์กรผู้บริโภคคุณภาพ ของกลุ่มแผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพและการพัฒนาระบบยา ในส่วนที่ สสส.ให้การสนับสนุนดังกล่าว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แผนงานวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคคุณภาพ จึงขอประกาศ รับสมัครองค์กรผู้บริโภคเพื่อรับการประเมินต่ออายุองค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นพื้นฐาน และขั้นสูงประจำปี ๒๕๖๔ และ เพื่อรับการประเมินเป็นองค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นพื้นฐาน และขั้นสูงประจำปี ๒๕๖๔ โดย เปิดรับสมัครส่งเอกสารระหว่างวันที่ 1-30 ตุลาคม 2564 มีรายละเอียดดังนี้
ระยะเวลาการรับสมัคร และขั้นตอนการประเมินองค์กรคุณภาพ และคุณสมบัติ และเอกสารหลักฐาน
ส่งไฟล์แบบคำขอ และเอกสารหลักฐานตามหลักเกณฑ์การประเมิน ปิดระบบออนไลน์แล้ว
แบบประเมินตนเอง ต่ออายุ องค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นพื้นฐาน
แบบประเมินตนเอง ต่ออายุ องค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นสูง
แบบประเมินตนเอง เป็นองค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นพื้นฐาน ประจำปี 2564
แบบประเมินตนเอง องค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นสูง ประจำปี 2564
แบบขอรับการประเมินองค์กรผู้บริโภคคุณภาพ
HCP-01 แบบขอต่ออายุองค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นพื้นฐาน
HCP-02 แบบขอต่ออายุองค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นพื้นสูง
HCP-03 แบบขอรับองค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นพื้นฐาน
HCP-04 แบบขอองค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นพื้นสูง
ภาคผนวก ๑ หลักเกณฑ์ประเมินองค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นพื้นฐาน
ภาคผนวก 1-1 แบบประเมิน ขั้นพื้นฐาน 2021
ภาคผนวก 1-2 คำอธิบายการให้คะแนนตามเกณฑ์องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ
ภาคผนวก 1-3 การเตรียมเอกสารเพื่่ิอการประเมินขั้นพื้นฐานn
ภาคผนวก ๒ หลักเกณฑ์ประเมินองค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นสูง
ภาคผนวก 2-1 SAR form
ภาคผนวก 2-2 หลักเกณฑ์ประเมินองค์กรฯ ขั้นสูง
ภาคผนวก 2-3 คำแนะนำในการเขียนคำอฺธิบาย SAR form
แบบรายงานประจำปี

นายแพทย์พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ มอบใบเกียรติบัตรองค์กรผู้บริโภคคุณภาพขั้นพื้นฐาน แก่ตัวแทนองค์กรผู้บริโภค จังหวัดศรีสะเกษ ๒๗ องค์กร จาก ๘ อำเภอ ในการประชุมคณะกรรมการประสานงานสาธารณะสุขระดับจังหวัดศรีสะเกษ ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖๓ (คปสจ.ศก.) ครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ณ ห้องประชุม ชั้น ๒ อาคารส่งเสริมสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ

สืบเนื่องจาก แผนงานพัฒนาวิชาการและสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิวิทยาลัยการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพ (มวคบ) และ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ตระหนักถึงความสำคัญและบทบาทขององค์กรผู้บริโภคต่อการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศไทย และมีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะประสานความร่วมมือในการพัฒนาระบบการรับรององค์กรผู้บริโภคคุณภาพ จึงจัดการประเมินองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคคุณภาพ จังหวัดศรีสะกษ เมื่อวันที่ วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อพัฒนาศักยภาพองค์กรผู้บริโภคในจังหวัดศรีสะเกษ ให้ร่วมขับเคลื่อนการทำงานของสภาองค์กรผู้บริโภค ภายใต้พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒
คู่มือเบื้องต้น การขับเคลื่อนงานคุ้มครองผู้บริโภค ด้วยคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) เป็นการ ประมวล “แนวปฏิบัติที่ดี” ในการขับเคลื่อนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้วยกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ หรือ พชอ. เป็นการประมวลข้อมูลจากประสบการณ์และบทเรียนการทำงานของ คณะทำงานโครงการจัดการสินค้าไม่ปลอดภัย ที่ขับเคลื่อนงานโดย กลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ในพื้นที่ต่าง ๆ โดยมีระยะเวลาประมาณ 1 ปี โดยการสนับสนุนทางวิชาการจาก ศูนย์วิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หลังสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินโครงการ ผู้มีบทบาท “ขับเคลื่อนหลัก” จากพื้นที่นำร่องเหล่านี้ ได้เข้าร่วม การประชุมสรุปบทเรียนการดำเนินงานชุดโครงการต้นแบบการจัดการสินค้าไม่ปลอดภัย โดยกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ระหว่างวันที่ 12 -13 มีนาคม 2563 อันเป็น “ต้นทาง” ชอง “แนวปฏิบัติที่ดีในการดำเนินงาน” ซึ่งมุ่งหมายถึง วิธีการทำงานที่ช่วยให้สามารถทำกิจกรรมบรรลุผลตามเป้าหมายได้
เนื้อหาในเล่ม ได้ประมวลเอาประสบการณ์และบทเรียนเด่น ๆ จากการดำเนินงานในกิจกรรมหลักของโครงการ ที่ได้แสดงถึงขั้นตอนการดำเนินงานที่สำคัญในการดำเนินงานด้วย 3 กิจกรรม ได้แก่ (1) การค้นหา และคัดเลือกสินค้าไม่ปลอดภัย (2) การจัดทำแนวทางและแผนการจัดการสินค้าไม่ปลอดภัย ฯ และ (3) การดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยในแต่ละกิจกรรม จะพยายามแสดงให้เห็นเนื้อหาแนวปฏิบัติที่ดีในการดำเนินกิจกรรม 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่ (ก) เป้าหมายของกิจกรรม/การดำเนินงาน (ข) ขั้นตอนการดำเนินงาน (ค) วิธีการทำงานและเครื่องมือ และ (ง) ปัญหา ข้อจำกัด และการแก้ไข
dowload http://www.thaihealthconsumer.org/book/good-practice-guidelines-porchoror/

ผลการสำรวจความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนที่มีต่อสถานการณ์ COVID-19 จำนวน 6,700 คน ใน 77 จังหวัด ระหว่าง 28 มีนาคม – 6 เมษายน 2563 พบว่า เด็กและเยาวชน 7 ใน 10 คน มองว่า วิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล และเบื่อหน่าย
ปัญหาที่เด็กเยาวชนกังวลสูงสุด อันดับ 1 ปัญหาทางเศรษฐกิจของครอบครัว อันดับ 2 เรื่องการเรียน-การสอบ และอันดับ 3 สุขภาพของสมาชิกในครอบครัว
เด็ก 1 ใน 4 คน ระบุว่า อยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการกับความเครียดและโรคซึมเศร้า
ดูเหมือนว่า ปัญหาเศรษฐกิจของครอบครัวและความเครียดจะเป็นปัญหาหลักของเด็กและเยาวชน ความเครียดอีกประการหนึ่งมาจากการถูกตีตราและเลือกปฏิบัติ
ในกรณีการเกิดโรคระบาด เด็กที่อาจถูกตีตราหรือถูกเลือกป4ฏิบัติ มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับเด็กที่ติดเชื้อหรือมีคนในครอบครัวติดเชื้อ เด็กที่เจ็บป่วยด้วยอาการคล้ายกับโรค COVID-19 หรือเด็กที่ผู้ปกครองมีอาชีพที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ดังนั้น การให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับ COVID-19 จะสามารถช่วยลดความกลัวลงได้ และเมื่อความกลัวลดลง การตีตราและการเลือกปฏิบัติก็จะลดลงไปด้วย

การแพร่ระบาดของ COVID-19 จะยังไม่ยุติ จนกว่าผู้ติดเชื้อรายสุดท้ายจะหมดไป
แม้ ศบค. จะตอกย้ำถ้อยคำซ้ำๆ เดิมๆ ว่า ‘การ์ดอย่าตก’ แต่หากมาตรการของรัฐยังเลือกปฏิบัติแบบสองมาตรฐานหรือย่อหย่อนเสียเอง โอกาสที่จะเกิดการแพร่ระบาดระลอก 2 ย่อมเป็นไปได้ทุกเมื่อ
‘วัคซีนต้านไวรัส’ เป็นความหวังที่ทุกคนเฝ้ารอ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ชัดว่า ผลการทดลองจะสำเร็จเมื่อใด และกว่าที่วัคซีนจะถูกนำมาใช้กับคน ก็ต่อเมื่อได้รับการรับรองว่าปลอดภัยจริง

กว่าครึ่งปีผ่านไป สถานการณ์ COVID-19 ยังไม่คลี่คลาย และหลายประเทศเริ่มเกิดการแพร่ระบาดระลอกสอง
คำแนะนำจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข ระบุว่า วิธีป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดคือ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ หากจำเป็นอาจใช้ ‘เจลแอลกอฮอล์’ แทนได้
คำถามก็คือ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เจลแอลกอฮอล์ที่ว่านั้นมีประสิทธิภาพกำจัดเชื้อไวรัสได้จริง?
เชื่อหรือไม่ว่า ผลการทดสอบผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ โดยศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้สุ่มตรวจจากร้านค้าทั่วไป ร้านขายยา ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก และร้านค้าออนไลน์ พบว่า มีผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านมาตรฐานถึงร้อยละ 67
นั่นสะท้อนว่า ผลิตภัณฑ์เจลแอลกอฮอล์ในท้องตลาดมีปัญหาด้านคุณภาพการผลิต และไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้จริง

ในนาทีที่ต้องเลือกระหว่าง ‘ความเป็น’ กับ ‘ความตาย’ ของผู้ป่วยระยะสุดท้าย อาจเป็นห้วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในการตัดสินใจสำหรับคนในครอบครัวและผู้ที่อยู่ข้างหลัง
มาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 จึงถูกบัญญัติขึ้นเพื่อให้สิทธิประชาชนในการเลือกที่จะปฏิเสธการรักษาได้ หากการรักษานั้นไม่สามารถช่วยให้หายจากโรคหรือเป็นเพียงการยืดเวลาออกไปโดยไม่เกิดประโยชน์
การทำพินัยกรรมชีวิตหรือที่เรียกว่า ‘หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต’ (living will) เป็นทางออกที่สำคัญ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้รับความทุกข์ทรมานน้อยที่สุด ด้วยการจากไปอย่างสงบและสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
หนังสือแสดงเจตนาฯ สามารถทำได้ตั้งแต่วันนี้ อย่ารอให้ถึงวันนั้น
